ฟุคุอิ : เมืองที่ไม่ได้มีแค่ไดโนเสาร์ !

ช่วงนี้ที่ญี่ปุ่นก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ~ ดอกซากุระที่พากันบานสะพรั่งก็เริ่มร่วงโรยไปแล้ว หลายคนคงได้ไปชมซากุระกัน ทั้งชาวญี่ปุ่นเองที่ออกมานั่งปิกนิก และเพื่อน ๆ ชาวไทยหลายคนที่บินไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้ เราเลยอยากถือโอกาสมาแนะนำจังหวัดเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น นั่นคือ “จังหวัดฟุคุอิ” ที่เราได้มีโอกาสไปสัมผัสบรรยากาศผ่านการเข้าร่วมโครงการหนึ่งกับนักศึกษามหาวิทยาลัยฟุคุอิ เป็นเวลา 5 วัน ได้ทั้งท่องเที่ยว เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และซึมซับเสน่ห์ของเมืองเงียบสงบที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ (ในฤดูหนาว)

มาทำความรู้จักจังหวัดฟุคุอิกัน~

ใครเคยได้ยินชื่อจังหวัดนี้บ้างไหม… แล้วคิดว่าอยู่ส่วนไหนของญี่ปุ่นกันนะ…

หลายคนอาจจะไม่เคยรู้จักจังหวัดนี้มาก่อน ฟุคุอิ (Fukui) เป็นจังหวัดเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น อยู่ติดกับจังหวัดเกียวโตและอิชิกาวะ โดยด้านตะวันตกของฟุคุอิติดกับทะเลญี่ปุ่น ทำให้จังหวัดนี้มีทิวทัศน์ชายฝั่งที่สวยงาม (เป็นอีกไฮไลท์ของที่นี่) อากาศบริสุทธิ์ และอาหารทะเลสดอร่อย โดยเฉพาะปู ได้ยินว่าเนื้อหวานมากกก

ถึงฟุคุอิจะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลักแบบโตเกียวหรือโอซาก้า แต่ฟุคุอิยังขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ วัดเก่าแก่ ทะเล และที่สำคัญเป็นแหล่งค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นอีกด้วย

เดินทางไปฟุคุอิไม่ยากอย่างที่คิด…

สำหรับใครที่อยากเดินทางจากโอซาก้าไปเที่ยวฟุคุอิ เราขอแนะนำ 2 วิธีที่ง่ายและสะดวกสุด ๆ

นั่ง JR Thunderbird Limited Express

ถือว่าง่ายและสะดวกมาก ๆ เพราะสามารถขึ้นรถไฟด่วนพิเศษได้ที่สถานี JR Osaka แล้วนั่งยาวไปถึงสถานี JR Fukui ได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยนขบวนกลางทาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.5 – 2 ชั่วโมง ราคาตั๋วอยู่ที่ประมาณ 4,000 – 5,000 เยน (อาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับประเภทที่นั่ง)

นั่ง ชินคันเซ็น Shinkansen

อีกหนึ่งวิธีคือการนั่งชินคันเซ็น ซึ่งจะเร็วขึ้นอีกนิด เริ่มจากสถานี Shin-Osaka โดยนั่งชินคันเซ็นไปลงที่สถานี Tsuruga จากนั้นเปลี่ยนขบวนไปนั่ง Hokuriku Shinkansen หรือรถไฟ JR Local ต่อไปยังสถานี Fukui ใช้เวลารวมประมาณ 1.5 – 2 ชั่วโมง (เร็วกว่าวิธีแรก) อาจจะราคาสูงกว่านิดหน่อยแต่เหมาะกับคนต้องการประหยัดเวลา และไม่ติดเรื่องเปลี่ยนขบวน ชินคันเซ็นไวมากก ลองเลือกตามความชอบได้น้าา

Day 1 : Welcome To Fukui

เป็นครั้งแรกที่เรามาญี่ปุ่น เดินทางในช่วงธันวาคม จะได้ใช้เวลาวันเกิดตัวเองและวันคริสต์มาสที่นี่ด้วย^^ เราใช้วิธีนั่งชินคันเซนจากโอซาก้ามาถึงฟุคุอิ ที่นี่อากาศค่อนข้างแปรปรวน มีทั้งฝนและหิมะตก อากาศค่อนข้างหนาวทีเดียว

เรามาถึงช่วงบ่ายไปทานข้าวกับเซนเซและทำความรู้จักเพื่อนคนญี่ปุ่นในโครงการเดียวกัน เขาก็แนะนำเมือง สถานี บอกวิธีเดินทางไปมหาวิทยาลัย การเดินทางค่อนข้างสะดวก มีทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้าและรถราง สถานีรถไฟเจอาร์ฟุคุอิ เป็นสถานีที่สร้างขึ้นมาใหม่ บริเวณด้านหน้ามีรูปปั้นไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ แถมยังเคลื่อนไหวและส่งเสียงได้ด้วยย ด้านในสถานีมีร้านอาหาร ช็อปของฝาก โดยเฉพาะโซนที่วางขายของขึ้นชื่อในฟุคุอิ คล้าย ๆ OTOP เลยย

Day 2 : เริ่มต้นวันใหม่กับหิมะโปรย

สิ่งที่เราชอบมากที่สุดของวันนี้คือการนั่งมองหิมะตกจากในห้อง ฟินมาก นั่งคิดอะไรเพลิน ๆ ก็ข้ามมาถึงวันเกิดซะงั้น ตอนเช้าหิมะก็ยังตก แต่ช่วงสาย ๆ อากาศกลับแจ่มใส เราเลยเลือกเดินไปมอ แวะศาลเจ้า เดินดูซากปราสาทฟุคุอิ ถ่ายรูป อากาศดีมาก ๆ แต่ไม่นาน ฝนก็ตก… และเราไม่ได้เอาร่มมา ฮ่า ๆ หาทางขึ้นรถเมล์ไม่เจอ ถามคนญี่ปุ่นก็ไม่มีใครรู้ เลยเดินตากฝนไปมอ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ฝนตกไม่หนัก แต่หนาวและเปียก รู้สึกว่าไม่ใช่วันของเราเลย ฮ่า ๆ

ถึงมอก็เข้าคาบเรียน ฟังนศ.นำเสนองาน เซนเซให้มีส่วนร่วมในการตั้งคำถาม-คอมเมนต์ แต่เราฟังญี่ปุ่นไม่ค่อยทัน T.T ศัพท์เฉพาะเยอะด้วย แต่โชคดีที่มีเพื่อนช่วย ตอนเย็นได้ไปลองร้าน 串カツ คุชิคัตสึ หรือ ของทอดเสียบไม้ชุบแป้งทอด ที่เพื่อนคนญี่ปุ่นแนะนำ ได้เรียนรู้cultureใหม่ ๆ ด้วย ว่ากะหล่ำปลีที่เสิร์ฟมาตั้งแต่แรก(ของเรียกน้ำย่อย) ตอนแรกเราเข้าใจว่าฟรี แต่เขาคิดเงินด้วยแม้ลูกค้าจะไม่ได้สั่งก็ตาม (ว้าวว) อร่อยดี ทุกคนต้องลองไปกิน คล้ายกับอิซากายะ เบียร์เย็นๆกับของทอด

Day 3: สัมมนาพารา

วันนี้เราต้องนำเสนอในคลาสใหญ่ เกี่ยวกับธุรกิจในไทย เลือกเดินทางด้วยรถรางไปมอ แต่เราหลงทาง… เพราะไม่รู้ว่าต้องเปลี่ยนสายระหว่างทาง สุดท้ายเพื่อนคนญี่ปุ่นจึงขับรถมารับ ฮ่า ๆ โชคดีที่ไปทันเวลา เราเริ่มนำเสนอเป็นคนแรก เลยค่อนข้างเกร็งและกดดันพออยู่ต่อหน้าคนเยอะๆ แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ 🙂 มีคำถามหนึ่งจากนักศึกษาชายชาวญี่ปุ่นที่ทำให้เราได้มุมมองใหม่ เขารู้สึกแปลกใจที่เครื่องสำอางในไทยไม่ได้แบ่งตามเพศ และสามารถมีพรีเซนเตอร์เป็นผู้ชายได้ ในขณะที่ที่ญี่ปุ่น โดยเฉพาะในวงการเครื่องสำอาง ผู้ชายและผู้หญิงยังถูกแยกกลุ่มอย่างชัดเจน (โหห) ยังไม่จบ…ตอนบ่ายต้องไปฟังสัมนาโปรเจกต์วิจัยของนศ.ป.ตรีและป.โท เราก็ฟังไม่ทันเหมือนเดิม ใช้เวลาตั้งแต่บ่ายโมงจนถึง5โมงเย็น T.T

วันนี้ฝนและหิมะยังตกเหมือนเดิม อุณหภูมิต่ำสุดคือ 1 องศา ไม่ชอบตอนฝนตกเพราะอากาศจะเย็นขึ้นสุด ๆ ก่อนกลับที่พักได้เดินชมตึกเรียน ห้องสมุดของมอ และได้รู้ว่าที่ฟุคุอิมี ฮาจิบัง ราเมน ด้วย (ตอนแรกคิดว่ามีแค่ในไทย) มีต้นกำเนิดจากญี่ปุ่นแต่เหลือสาขาอยู่น้อยแล้ว มื้อเย็นเลยไปลองกิน ปริมาณค่อนข้างเยอะกว่าที่ไทย รสชาติก็โอเค

Day 4: คริสต์มาสกลางเมืองสงบ

วันคริสต์มาสมีนัดกับเพื่อนคนญี่ปุ่นไปชมเมือง ตอนเช้าเราเลยเดินเที่ยวเองก่อน นั่งรถเมล์ไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะ เดินไปไหว้ศาลเจ้า อากาศวันนี้ดีมาก เลยเดินไปมอ(อีกแล้ว) ที่นี่สะอาดมาก น้ำใส ไม่เห็นขยะสักชิ้นเลย หมู่บ้านเป็นระเบียบ สงบมากๆ

ตอนบ่ายเพื่อนพาไป Yokokan Garden สวนแห่งนี้ที่เป็นบ้านหลังที่ 2 ของไดเมียวในช่วงยุคเอโดะ สวยมาก มีบ่อน้ำล้อมรอบบ้าน ถ้ามาตอนใบไม้เปลี่ยนสีน่าจะสวยสุด ๆ แถมมีคุณลุงที่ดูแลสวนอาสาเป็นไกด์พาไปพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ เขาพยายามอธิบายภาษาญี่ปุ่นให้เราเข้าใจ รู้สึกขอบคุณคุณลุงมากๆ และรู้สึกว่าการได้เรียนรู้จากสถานที่จริง สนุกกว่าท่องในหนังสือ ฮ่า ๆ

บรรยากาศวันคริสต์มาสที่เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้สงบมากแตกต่างกับไทย เพราะเป็นวันหยุดที่ได้ใช้เวลากับคนรัก หรือครอบครัว แต่เราไปช้อปปิ้งกับเพื่อน ๆ สินค้าในร้านยา(drug store) มีขนม อาหาร เครื่องสำอางค์และยา ถูกและดีมากกกก มื้อเย็นไปฝากท้องที่ร้านกิวด้ง(ข้าวหน้าเนื้อ) ราคาไม่แพงและอร่อย แต่สำหรับเราค่อนข้างเค็มไปหน่อย เมื่อก่อนคิดว่าอาหารญี่ปุ่นต้องจืด ๆ ซะอีก แต่จริง ๆ หลายเมนูเค็มใช้ได้เลย (ความรู้ใหม่)

Day 5: เก็บเกี่ยวความประทับใจ ก่อนลาฟุคุอิ

วันสุดท้ายก่อนย้ายไปโอซาก้า นอกจากได้เที่ยว ก็ใช้เวลาว่างเก็บข้อมูลทำโปรเจกต์ไปด้วย โดยให้เลือกสินค้าขึ้นชื่อในจังหวัด ทำให้เราได้รู้จักจังหวัดนี้มากขึ้น

วันนี้เพื่อนคนญี่ปุ่นเป็นไกด์ขับรถขึ้นเขาออกไปนอกเมือง สองข้างทางมีแต่หิมะ วันนี้อากาศก็แปรปรวน ฝนตกตลอดทาง ที่แรกไปพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ที่เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ชั้นนำของโลก มีการจัดแสดงฟอสซิล กระดูกไดโนเสาร์ที่ถูกขุดพบในญี่ปุ่นและทั่วโลก มีไดโนเสาร์จำลองที่ขยับได้ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ถ้าชื่นชอบไดโนเสาร์ต้องลองแวะมาดูนะ

ต่อด้วยวัดเอเฮจิ วัดเซนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ถึงฝนจะตกโปรย ๆ แต่บรรยากาศสวยมาก เงียบสงบ ไฮไลต์คือภาพวาดบนเพดานจากจิตรกรหลายร้อยคน ภาพเล็ก ๆ แต่เต็มไปด้วยความประณีต ลองไปชมกันได้ เราชอบมากกก

มื้อเที่ยงเราไปกินโซบะร้านดัง kenzo soba เมนูโซบะเย็นเป็นsignatureของร้าน แต่ไม่ค่อยถูกปากสำหรับเราเท่าไหร่ แต่!! พุดดิ้งโซบะเซมเบ้ อร่อยมากก ไม่รู้มาก่อนเลยว่ามีโซบะเซมเบ้ คนญี่ปุ่นหลายคนเองก็ยังไม่รู้จัก โซบะเซมเบ้ทำมาจากแป้งโซบะ รสชาติหวาน แผ่นบางๆคล้ายขนมทองม้วน ได้กินคู่กับพุดดิ้ง อร่อยจนอยากร้องไห้ (ชอบมาก) สุดท้ายก็ซื้อเซมเบ้กลับมา และเราก็ตัดสินใจทำโปรเจกต์เรื่องโซบะเซมเบ้ ฮ่าๆ ปิดวันด้วยการกิน KFC รสชาติเหมือนกับที่หลายคนบอกเลย อยากรู้ทุกคนต้องไปลอง 🙂

ไฮไลท์ที่เที่ยวไม่ควรพลาด !

วัดเอเฮจิ (Eiheiji Temple)

วัดเอเฮจิ (Eiheiji) เป็นวัดนิกายเซ็นที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น มีประวัติยาวนานเกือบ 800 ปี และถือเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและการเผยแผ่พระพุทธศาสนานิกายเซ็น ที่นี่มีพระสงฆ์จำนวนมากเข้ามาปฏิบัติธรรม วัดเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมภายในวัดได้ โดยมีข้อกำหนดให้รักษาความสงบ ห้ามส่งเสียงดัง และห้ามถ่ายภาพพระในวัดนะ! มาที่นี่จะได้สัมผัสถึงความเงียบสงบที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ ได้ฟังเสียงฝน เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์และสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของวัด

จุดถ่ายภาพยอดนิยมของวัด คือ ต้นซีดาร์ที่มีอายุกว่า 500 ปี และประตูคารามง (唐門) ซึ่งคนทั่วไปสามารถชมได้เฉพาะจากภายนอกเท่านั้น และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือ ซันโชคาคุ (傘松閣) ห้องเพดานที่ประดับด้วยภาพวาด 230 ชิ้น ผลงานของจิตรกรญี่ปุ่น 144 คน ภาพวาดโบราณมีทั้งดอกไม้และทิวทัศน์ต่าง ๆ เป็นศิลปะโบราณที่วัดยังคงอนุรักษ์ไว้อย่างดี ถ้ามีโอกาสอย่าลืมแวะไปชมกันนะ ว้าวมาก

พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ฟุคุอิ (Fukui Dinosaur Museum)

พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ฟุคุอิเป็นจุดหมายที่ไม่อยากให้พลาดสำหรับคนรักไดโนเสาร์! ที่แห่งนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 2000 ยังใหม่และทันสมัย เป็นแหล่งรวมฟอสซิลไดโนเสาร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ชั้นนำของโลก มีการจัดแสดงฟอสซิลไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์และมีไดโนเสาร์จำลองที่มีความสมจริง แม้กระทั่งลมหายใจเลย! จะทำให้ผู้ชมเข้าไปอยู่อีกโลก ได้สัมผัสกับโลกยุคดึกดำบรรพ์ เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ใครมาฟุคุอิต้องไม่พลาด!

ฟุคุอิอาจไม่ได้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ แต่สำหรับเราแล้ว จังหวัดนี้มีเสน่ห์ เงียบสงบ สะอาด และเต็มไปด้วยธรรมชาติสวยงาม เทียบกับโอซาก้าที่คึกคักและเต็มไปด้วยผู้คน เราคิดว่าที่นี่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากกว่า ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจรอให้ทุกคนไปเยือน ใครกำลังมองหาที่เที่ยวแบบธรรมชาติ สบาย ๆ ที่นี่อาจเป็นคำตอบนั้นก็ได้ ^^

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *