นับถอยหลังสู่ปีใหม่ 7 วัฒนธรรมเคานต์ดาวน์จากทั่วโลก

เดินทางฝ่าฟันจนมาถึงวันขึ้นปีใหม่…ช่วงเวลานี้คงเป็นช่วงที่ใครหลายคนตั้งตารอคอย เป็นเวลาของการพักผ่อน การได้ใช้ช่วงเวลาพิเศษร่วมกับคนที่รัก และการทบทวนสิ่งที่ผ่านมาตลอดทั้งปี เมื่อเข็มนาฬิกาเดินมาถึงเที่ยงคืน ผู้คนทั่วโลกต่างพร้อมใจกันกล่าวลาปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ด้วยความสุขและความหวัง แม้จะเป็นคืนสิ้นปีคืนเดียวกัน แต่ผู้คนในแต่ละประเทศกลับมีวิธีการเฉลิมฉลอง วัฒนธรรม และความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักการฉลองคืนส่งท้ายปีเก่าจากหลายประเทศทั่วโลก มาดูกันว่าผู้คนในแต่ละพื้นที่ต้อนรับปีใหม่กันอย่างไรบ้าง ✨🌏

ประเทศไทย

ในคืนส่งท้ายปีเก่า คนไทยจำนวนมากนิยมสวดมนต์ข้ามปีและทำบุญตักบาตรในเช้าวันขึ้นปีใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลและเริ่มต้นปีด้วยจิตใจที่สงบ ในช่วงวันหยุดยาว หลายคนเดินทางกลับต่างจังหวัดเพื่อใช้เวลาร่วมกับครอบครัว จัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ทานอาหารร่วมกัน ร้องเพลง และสร้างความทรงจำท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น

ขณะเดียวกัน ในเมืองใหญ่ก็มีการจัดงานเคานต์ดาวน์และกิจกรรมเฉลิมฉลองอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นการแสดงพลุ แสงสี เสียงดนตรี และความบันเทิงมากมาย อีกหนึ่งกิจกรรมที่ขาดไม่ได้คือการแลกของขวัญ ซึ่งนอกจากจะเป็นกิจกรรมสนุกสนานสร้างร้อยยิ้ม เสียงหัวเราะแล้วยังช่วยเชื่อมความสัมพันธ์และสร้างความสามัคคีในหมู่ผู้คน

ประเทศญี่ปุ่น

คนญี่ปุ่นเรียกวันที่ 31 เดือนธันวาคมกันว่า 大晦日 (Oomisoka) เป็นวันที่มีความสำคัญมากที่สุดวันหนึ่งของปี เนื่องจากช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นใหม่ จึงมีประเพณีและความเชื่อต่าง ๆ ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน

• ระฆังส่งท้ายปี หรือ 除夜の鐘 (Joya no kane)

ก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคม วัดทั่วประเทศจะตีระฆังจำนวน 108 ครั้ง ตามความเชื่อในศาสนาพุทธ เพื่อขับไล่กิเลส 108 ประการที่อยู่ในจิตใจมนุษย์ การตีระฆังจะเริ่มก่อนเที่ยงคืนและต่อเนื่องไปจนถึงวันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้ผู้คนเริ่มต้นปีด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์

เมื่อเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ คนญี่ปุ่นจะนิยมไปไหว้พระหรือศาลเจ้า เรียกว่า ฮัตสึโมเดะ 初詣 (Hatsumode) เป็นการไปไหว้พระครั้งแรกของปี และทานโอเซจิเรียวริ おせち料理 (Osechi ryouri) ซึ่งเป็นอาหารมงคลสำหรับวันขึ้นปีใหม่ 

ประเทศเกาหลีใต้

ไฮไลต์สำคัญที่สุดของประเทศเกาหลีใต้ คือ พิธีตีระฆังโพชินกัก (Bosingak) ณ กรุงโซล จะจัดขึ้นในช่วงเที่ยงคืนของวันส่งท้ายปีเก่า (เวลา 00.00 น.) คนจะมารวมตัวกันเพื่อฟังเสียงระฆังที่ตีทั้งหมด 33 ครั้ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นปีใหม่

นอกจากนี้ ชาวเกาหลียังมีความเชื่อเกี่ยวกับการชม พระอาทิตย์ขึ้นแรกของปี ซึ่งสะท้อนถึงการเริ่มต้นชีวิตใหม่ แสงแรกของวันเปรียบเสมือนพลังบวกและความหวัง ที่จะนำพาความโชคดีและสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตตลอดปี

ในวันขึ้นปีใหม่ อาหารมงคลที่ชาวเกาหลีนิยมรับประทานคือ ต๊อกกุก (Tteokguk) หรือซุปที่ทำจากเค้กข้าวหั่นเป็นแผ่นบาง เชื่อกันว่าการกินต๊อกกุกจะนำความโชคดีมาให้ และยังเป็นสัญลักษณ์ของการ “เพิ่มอายุขึ้นอีกหนึ่งปี” ตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวเกาหลี

ประเทศสเปน

ตามความเชื่อในวันส่งท้ายปีเก่า ชาวสเปนนิยมกิน องุ่น 12 ลูกแห่งโชคดี หรือ Doce Uvas de la Suerte ในคืนข้ามปี โดยจะกินองุ่น 1 ลูกต่อเสียงระฆัง 1 ครั้ง ภายในช่วง 12 วินาทีสุดท้ายก่อนเข้าสู่ปีใหม่ องุ่นเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี ความอุดมสมบูรณ์ และความสุข เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ให้ผลดกและสามารถเก็บเกี่ยวได้ในปริมาณมาก องุ่นแต่ละลูกจึงแทนความโชคดีของแต่ละเดือนในปีถัดไป โดยมีความเชื่อว่าหากสามารถรับประทานได้ครบทั้ง 12 ลูก จะนำมาซึ่งความสุขและความโชคดีตลอดทั้งปีใหม่

ในคืนดังกล่าว ผู้คนจำนวนมากจะไปรวมตัวกันที่ จัตุรัสปูเอร์ตา เดล โซล (Puerta del Sol) ใจกลางกรุงมาดริด เพื่อร่วมเฉลิมฉลองและนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ร่วมกัน

ประเทศฟิลิปปินส์

ในประเทศฟิลิปปินส์มีความเชื่อว่า สิ่งของที่มีลักษณะเป็นวงกลมเป็นสัญลักษณ์ของเงินทองและความมั่งคั่ง ผู้คนจึงสวมเสื้อผ้าลายจุด นำผลไม้ 12 ชนิดทรงกลม เช่น แอปเปิ้ล ส้ม แตงโม องุ่น มาวางไว้บนโต๊ะอาหาร ว่ากันว่าจะนำโชคลาภมาให้ในปีหน้า นอกจากนี้ ชาวฟิลิปปินส์จะนำเหรียญมาใส่ไว้ในกระเป๋าแล้วเขย่าพร้อมอธิษฐานหรือมอบเหรียญให้กัน เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลและความโชคดีตลอดปีใหม่

ประเทศสกอตแลนด์

เทศกาลเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ของชาวสกอตแลนด์ เรียกว่า ฮอกมาเนย์ (Hogmanay) เป็นเทศกาลที่เต็มไปด้วยพิธีกรรม ความเชื่อ และการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ ประเพณีหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดี เรียกว่า first footing มีความเชื่อว่าคนที่มาเยือนบ้านเป็นคนแรกในวันขึ้นปีใหม่จะเป็นคนนำโชคลาภมาให้ ควรเป็นผู้ชายที่มีผมเข้มและควรนำของขวัญติดตัวมาด้วย เช่น ถ่านหิน เกลือ ขนมปังและวิสกี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและมั่งคั่ง สาเหตุที่เชื่อว่าผู้ชายผมสีเข้มจะนำความโชคดีมาให้ เนื่องจากในอดีต ชาวไวกิ้งซึ่งมักมีผมสีอ่อนเคยเข้ามาบุกรุกพื้นที่ในสกอตแลนด์ คนที่มีผมสีอ่อนจึงถูกมองว่าเป็นลางร้าย

ประเทศเม็กซิโก

ชาวเม็กซิโกมีความความเชื่อในการต้อนรับปีใหม่ด้วยการกินองุ่นจำนวน 12 ลูกเช่นเดียวกับประเทศสเปน นอกจากเรื่องกินองุ่นแล้ว มีความเชื่อที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเกี่ยวกับการสวมใส่กางเกงในสีต่าง ๆ เช่น ถ้าอยากโชคดีเรื่องความรักให้สวมกางเกงในสีแดง ถ้าอยากร่ำรวยให้สวมกางเกงในสีเหลือง นอกจากนี้ ยังมีธรรมเนียมการใส่แหวนทองลงในแก้วแชมเปญก่อนดื่ม เนื่องจากเชื่อว่าแหวนทองจะนำพาความโชคดีและความรุ่งเรืองเข้ามาในชีวิต

---

เป็นอย่างไรบ้างคะกับกิจกรรมวันส่งท้ายปีเก่าของแต่ละประเทศ แม้ว่าการฉลองวันขึ้นปีใหม่ของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม ความเชื่อ แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ความปรารถนาที่จะเริ่มต้นปีใหม่ด้วยความหวังและสิ่งดี ๆ ความหลากหลายของประเพณีเหล่านี้ไม่เพียงสร้างสีสันให้เทศกาลปีใหม่เท่านั้น แต่ยังช่วยให้เราเข้าใจแนวคิดและวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลกได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ Clearnote ขออวยพรให้ทุกคนมีความสุข สุขภาพกายใจแข็งแรง ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจ และสมปรารถนาทุกประการสวัสดีปีใหม่ค่ะ! 🎉✨😊

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก

https://www.remitly.com/blog/th/laifstyle-lae-wattanatham/new-year-traditions-around-the-world/

https://today.line.me/th/v3/article/mWOM052

https://today.line.me/th/v3/article/WBQjgja

https://sabotenthailand.com/8-things-japanese-celebrate-new-year/

https://www.personnelconsultant.co.th/jobseeker/knowledge/2024/12/2351/