Learning Styles: สไตล์การเรียนที่ใช่สำหรับเรา

เพื่อน ๆ เคยเป็นกันไหม ไม่ว่าจะอ่านหนังสือกี่ชั่วโมงก็จำอะไรไม่ค่อยได้ นั่งฟังอาจารย์ทั้งคาบก็ไม่เข้าใจ นั่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่เก่งหรือไม่ขยันพอ แต่อาจเป็นเพราะเรายังไม่เข้าใจสไตล์การเรียนของตัวเอง! แต่ละคนมีวิธีการรู้แตกต่างกัน และยิ่งเราเลือกวิธีที่ถนัด ก็จะยิ่งทำให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น มาลองหาสไตล์การเรียนรู้ของตัวเองกัน แล้วเปลี่ยนให้การเรียนไม่น่าเบื่ออีกต่อไป!

สไตล์การเรียนรู้ (Learning Style) คือ แนวทางหรือวิธีการที่แต่ละคนใช้ในการรับและจดจำข้อมูล หนึ่งในโมเดลที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ VARK Model หรือ VARK Learning Styles ซึ่งเฟลมมิ่งและมิลส์ (Fleming & Mills) คิดค้นขึ้นในปี ค.ศ. 1992 โดยแบ่งรูปแบบการเรียนรู้ตามความชอบหรือความถนัดในการรับข้อมูลไว้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

1. Visual (ผู้เรียนรู้ด้วยภาพ)

ผู้ที่ถนัดเรียนรู้ด้วยภาพมักจดจำข้อมูลได้ดีเมื่อเชื่อมโยงกับภาพและสัญลักษณ์ เป็นคนที่ชอบสรุปเนื้อหาออกมาในรูปแบบที่มองเห็นได้ชัดเจน เช่น การใช้สี แผนภาพ แผนผัง หรือภาพวาด เพื่อช่วยเชื่อมโยงข้อมูลให้กลายเป็นเรื่องราวที่เข้าใจง่ายและจำได้นาน

วิธีเรียนที่เหมาะสำหรับกลุ่มนี้ : ใช้สีเน้นข้อความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสติ๊กเกอร์สีสด ดินสอสี หรือปากกาไฮไลท์ เทคนิคนี้ช่วยดึงดูดสายตา ทำให้เห็นจุดสำคัญชัดเจน จัดข้อมูลเป็นระบบ และสามารถทบทวนเนื้อหาได้อย่างรวดเร็วเมื่อใกล้สอบ

การทำแผนภาพ (mind mapping) เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่เหมาะกับผู้เรียนแบบ Visual เพราะช่วยจัดระเบียบข้อมูลในเชิงภาพ โดยการเชื่อมโยงหรือจัดกลุ่มหัวข้อที่เกี่ยวข้อง ทำให้มองเห็นภาพรวมของเรื่องราว พร้อมทั้งรายละเอียดเล็กน้อยได้อย่างชัดเจน เหมาะสำหรับการสรุปเนื้อหาที่ซับซ้อน

2. Auditory (ผู้เรียนรู้ผ่านเสียง)

ผู้เรียนกลุ่มนี้มักชอบการอ่านออกเสียง การฟังคำอธิบาย เพลง หรือพอดแคสต์ รวมถึงการพูดกับตัวเองเพื่อเรียบเรียงความคิด การใช้การฟังและการพูดช่วยให้จดจำข้อมูลได้แม่นยำยิ่งขึ้น ในห้องเรียนก็มักเข้าใจได้ดีจากการฟังครูสอนมากกว่าการอ่านด้วยตนเองง

วิธีเรียนที่เหมาะสำหรับกลุ่มนี้ : ฟังเทปเสียง/Audiobooks การฟังซ้ำเพื่อเสริมความจำ บันทึกเสียงเลกเชอร์ในห้องแล้วเปิดฟังซ้ำ หรืออัดเสียงตัวเองขณะอ่านบทเรียนเพื่อนำกลับมาฟังภายหลัง ตัวอย่างเช่น การท่องศัพท์ภาษาอังกฤษ อาจอัดเสียงตัวเองอ่านคำศัพท์แล้วเปิดฟัง จะช่วยให้จำได้ง่ายและแม่นยำมากขึ้น

ติวเป็นกลุ่ม การอธิบายให้เพื่อนฟังถือเป็นการทบทวนซ้ำและทำให้เข้าใจเนื้อหาได้ลึกขึ้น อีกทั้งยังได้แลกเปลี่ยนมุมมองที่แตกต่าง หากไม่มีเพื่อนติวด้วย การอ่านบทเรียนออกเสียงดัง ๆ ก็ช่วยกระตุ้นการจดจำได้เช่นกัน

3. Reading/Writing (ผู้เรียนรู้ผ่านการอ่านและเขียน)

ผู้เรียนกลุ่มนี้มักชื่นชอบการรับข้อมูลผ่านลายลักษณ์อักษร เป็นคนที่รักการอ่าน สนุกกับการค้นคว้าหาความรู้จากหนังสือ อินเทอร์เน็ต บทความ หรือเอกสารต่าง ๆ พวกเขามักจะมีทักษะในการวิเคราะห์และจัดการข้อมูลได้อย่างแม่นยำ และบางครั้งก็มีนิสัยชอบเขียน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบันทึกประจำวัน การรีวิว หรือการเขียนสรุปเป็นข้อความเพื่อถ่ายทอดความเข้าใจของตนเอง

วิธีเรียนที่เหมาะสำหรับกลุ่มนี้ : การจดบันทึกหรือเขียนสรุปสิ่งที่เรียนรู้ด้วยภาษาของตนเอง หลังจากเรียนเสร็จ ลองเขียนสรุปย่อหรือทำโน้ตย่อที่เข้าใจง่าย จะช่วยให้ทบทวนได้สะดวก และยังช่วยย้ำความจำในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การอ่านออกเสียงบันทึกของตัวเองก็อาจช่วยเสริมความเข้าใจได้มากขึ้นอีกด้วย

4. Kinesthetic (ผู้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ)

ผู้เรียนกลุ่มนี้จะจดจำและเข้าใจได้ดีที่สุดเมื่อได้ลงมือทำจริง ไม่ว่าจะเป็นการทดลอง การสาธิต หรือกิจกรรมเชิงโต้ตอบต่าง ๆ การได้สัมผัสประสบการณ์ตรงช่วยให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุกและมีความหมายมากกว่าการนั่งอ่านหรือท่องจำเพียงอย่างเดียว

วิธีเรียนที่เหมาะสำหรับกลุ่มนี้ : สำหรับวิชาที่ต้องอาศัยการทดลอง เช่น วิทยาศาสตร์ การลงมือทำการทดลองเล็ก ๆ ด้วยตนเองแม้จะเป็นที่บ้าน ก็จะช่วยให้เข้าใจหลักการได้ลึกซึ้งกว่าการอ่านทฤษฎี

การฝึกทำโจทย์หรือการใช้แฟลชการ์ดเพื่อทบทวนคำศัพท์และเนื้อหาสำคัญ ก็ถือเป็นการลงมือทำจริงที่ช่วยให้จำได้แม่น และยังเป็นวิธีที่ใช้ได้ดีกับผู้เรียนรู้ด้วยภาพ (Visual) ด้วยเช่นกัน


ผู้เรียนแต่ละคนมีสไตล์การเรียนรู้ที่แตกต่างกัน แต่ไม่มีกฎตายตัวว่าวิธีใด “ถูก” หรือ “ผิด” ลองสังเกตตัวเองง่าย ๆ ว่าเราจำเนื้อหาได้ดีที่สุดเมื่อได้ เห็น ฟัง อ่าน หรือลงมือทำ ไม่ควรจำกัดตัวเองแค่แบบเดียว การผสมผสานหลายวิธีจะช่วยกระตุ้นสมองให้จดจำได้หลากหลาย เช่น ฟังบรรยายไปพร้อมกับวาดแผนภาพ สิ่งสำคัญคือการรู้สไตล์การเรียนที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อให้ไม่เสียเวลาและเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อ้างอิง

https://student.worldcampus.psu.edu/blog/study-more-effectively-by-understanding-your-learning-style

https://edbathai.com/Main2/%E0%B9%81

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *