โซเชียลมีเดียกับการเรียน: ใช้อย่างไรให้เป็นประโยชน์

โซเชียลมีเดียกับการเรียน: ใช้อย่างไรให้เป็นประโยชน์

dek66, dek67, dek68, dek69, Uncategorized, การพัฒนาตัวเอง, พัฒนาทักษะ, อาชีพ
วันนี้โซเชียลมีเดียเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเราไปแล้ว บางคนอาจกำลังกังวลว่าเล่นโซเชียลมากไป บางคนก็ไม่รู้จะใช้ให้เป็นประโยชน์ยังไง มาดูกันว่าโซเชียลมีเดียมีข้อดีและข้อควรระวังอะไรบ้าง โอกาสที่มาพร้อมโซเชียลมีเดีย ✨ เข้าถึงแหล่งความรู้ได้ไม่จำกัด ตั้งแต่วิดีโอสอนการบ้านยันคอร์สเรียนออนไลน์ฟรีแชร์และแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนๆ ได้ง่ายติดตามข่าวสารและอัพเดทความรู้ใหม่ๆ ได้ทันทีสร้างเครือข่ายกับเพื่อนที่มีความสนใจเหมือนกันฝึกภาษาผ่านการดูคลิป อ่านโพสต์ หรือแชทกับเพื่อนต่างชาติ ความท้าทายที่ต้องระวัง ⚠️ เสียเวลาเลื่อนฟีดโดยไม่จำเป็น (Infinite Scrolling)สมาธิสั้นลงเพราะข้อมูลที่มากเกินไปเปรียบเตียบตัวเองกับคนอื่นจนเครียดข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือหรือเป็นเท็จการรบกวนสมาธิจากการแจ้งเตือน แต่อย่าเพิ่งกังวลไป! 🌟 ถ้าเรารู้จักใช้อย่างฉลาด โซเชียลมีเดียก็เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การเรียนสนุกและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ในส่วนถัดไป เราจะมาดูกันว่าจะใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์กับการเรียนได้อย่างไร! ใช้โซเชียลอย่างไรให้เสริมการเรียนรู้ 📚 เรามาดูกันว่าจะใช้แต่ละแพลตฟอร์มให้เป็นประโยชน์กับการเรียนได้อย่างไรบ้าง! YouTube - ห้องเรียนออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก 🎥 สร้างเพลย์ลิสต์รวมคลิปสอนในวิชาที่เรียนติดตามช่องความรู้ที่อธิบายเข้าใจง่ายเปิด Caption ภาษาอังกฤษเพื่อฝึกภาษาไปด้วยดูวิดีโอสรุปบทเรียนก่อนสอบ Instagram - มากกว่าแค่รูปสวยๆ 📸 ติดตามเพจให้ความรู้ที่มีอินโฟกราฟิกเข้าใจง่ายสร้าง Collection รวมโพสต์ความรู้ที่มีประโยชน์แชร์เทคนิคการเรียนกับเพื่อนๆ ผ่าน Storyใช้ Highlight เก็บสูตร/เนื้อหาสำคัญ TikTok - เรียนรู้สั้นๆ แต่ได้สาระ 🎵 ติดตามครูที่สอนเนื้อหาแบบสั้นกระชับดูเทคนิคการจำแบบง่ายๆหาแรงบันดาลใจจากคลิป Study with meเรียนรู้คำศัพท์และไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ Discord/Line - ห้องเรียนเสมือนจริง 💬 สร้างกลุ่มติวหนังสือกับเพื่อนแชร์ไฟล์และโน้ตย่อระหว่างกันตั้งคำถามและช่วยกันตอบในกลุ่มจัดตารางนัดติวออนไลน์ Pinterest - แหล่งรวมไอเดียการเรียน 📌 หาไอเดียการจดโน้ตสวยๆรวบรวม Mind Map ในวิชาต่างๆเก็บแผนการอ่านหนังสือที่น่าสนใจหาแรงบันดาลใจในการจัดโต๊ะเรียน เทคนิคการใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด 🎯 ตั้งเวลาการใช้งานใช้ฟีเจอร์ Screen Time ช่วยจำกัดเวลาตั้งช่วงเวลาห้ามรบกวนขณะอ่านหนังสือจัดระเบียบฟีดUnfollow เพจที่ไม่เป็นประโยชน์จัดกลุ่มคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับการเรียนสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีเข้าร่วมกลุ่มที่มีเป้าหมายคล้ายกันแชร์เป้าหมายการเรียนกับเพื่อนๆ สร้างสมดุล - เคล็ดลับจัดการเวลาบนโลกออนไลน์ ⚖️ การใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์ไม่ใช่แค่รู้ว่าจะใช้ยังไง แต่ต้องรู้จักจัดการเวลาด้วย! มาดูวิธีสร้างสมดุลกันค่ะ ตั้งกฎให้ตัวเอง 📋 กำหนด "เวลาห้ามแตะมือถือ" โดยเฉพาะตอนอ่านหนังสือตั้งช่วง "Digital Detox" สัปดาห์ละ 1 วันงดเช็คโซเชียล 1 ชั่วโมงก่อนนอนไม่เล่นมือถือระหว่างทานข้าว จัดการแจ้งเตือนอย่างชาญฉลาด 🔔 ปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นเปิดแจ้งเตือนเฉพาะแอพเรียนและกลุ่มเรียนตั้งค่า "ห้ามรบกวน" ในเวลาเรียนลบแอพที่ไม่จำเป็นออกจัดระเบียบหน้าจอมือถือ 📱แยกโฟลเดอร์แอพเรียนกับแอพบันเทิงย้ายแอพที่ชอบเล่นไปหน้าที่ 2ติดวิดเจ็ตตารางเรียนไว้หน้าแรก สร้างนิสัยดีๆ ในการใช้โซเชียล 🌱 ถามตัวเองก่อนเปิดแอพว่า "จำเป็นไหม?"ตั้งเป้าหมายการใช้งานทุกครั้งจดบันทึกเวลาที่ใช้ไปกับแต่ละแอพให้รางวัลตัวเองเมื่อควบคุมเวลาได้ตามเป้า รู้เท่าทันตัวเอง 🤔 สังเกตอาการ "เสพติดโซเชียล"รู้สึกหงุดหงิดเมื่อไม่ได้เช็คมือถือเลื่อนฟีดไปเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดหมายละเลยการเรียนเพราะติดโซเชียลวิธีแก้ไขเมื่อเริ่มเสียสมดุล 🎯ชวนเพื่อนทำ "โครงการลดเวลาหน้าจอ"หากิจกรรมอื่นทำ เช่น อ่านหนังสือ ออกกำลังกายตั้งระบบรางวัลให้ตัวเอง เคล็ดลับสุดท้าย... รักษาสมดุลชีวิตจริง 🌈 ใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนในชีวิตจริงหาเวลาทำกิจกรรมที่ชอบนอกจากเล่นมือถือพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอฝึกสติ อยู่กับปัจจุบัน จำไว้ว่า... โซเชียลมีเดียเป็นแค่เครื่องมือ! 🎯 เราต่างหากที่เป็นคนควบคุมมัน ไม่ใช่ปล่อยให้มันมาควบคุมเรา ขอให้น้องๆ สนุกกับการใช้โซเชียลมีเดียอย่างสร้างสรรค์ และได้ประโยชน์สูงสุดกับการเรียนนะคะ 💪 มีเทคนิคอื่นๆ…
Read More
10 อาชีพมาแรงในยุค AI – เตรียมตัวอย่างไรตั้งแต่วันนี้

10 อาชีพมาแรงในยุค AI – เตรียมตัวอย่างไรตั้งแต่วันนี้

การพัฒนาตัวเอง, อาชีพ
ทำความรู้จัก AI และผลกระทบต่ออาชีพในอนาคต 🤖 น้องๆ เคยสงสัยไหมว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า โลกของเราจะเปลี่ยนไปขนาดไหน? ปัจจุบันเราได้ยินคำว่า "AI" หรือ "ปัญญาประดิษฐ์" กันจนชินหู ตั้งแต่แชทบอทอย่าง ChatGPT ที่ช่วยตอบคำถามเราได้แทบทุกเรื่อง ไปจนถึง AI ที่วาดรูปได้สวยไม่แพ้มนุษย์ 🎨 แต่รู้ไหมว่า AI ไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ทั้งหมดหรอกนะ! จริงๆ แล้ว AI เป็นเหมือนเพื่อนร่วมงานที่ช่วยให้เราทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 💪 ลองคิดดูง่ายๆ เหมือนตอนที่เราใช้เครื่องคิดเลข - มันไม่ได้ทำให้เราไม่ต้องเรียนคณิตศาสตร์ แต่มันช่วยให้เราคำนวณได้เร็วขึ้นและมีเวลาไปคิดเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญกว่า แล้วอะไรคือสิ่งที่ AI ทำไม่ได้? 🤔 ความคิดสร้างสรรค์แบบมนุษย์การเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกอย่างลึกซึ้งการตัดสินใจในสถานการณ์ซับซ้อนที่ต้องใช้วิจารณญาณการแก้ปัญหาแบบยืดหยุ่นและปรับตัวตามสถานการณ์ นี่แหละคือจุดแข็งของมนุษย์ที่ AI ไม่สามารถทดแทนได้! และนี่คือเหตุผลที่ทำให้หลายอาชีพในอนาคตต้องการคนที่มีทักษะพิเศษเหล่านี้ 🌟 ในส่วนต่อไป เราจะมาดูกัน 10 อาชีพที่น่าสนใจและมาแรงในยุค AI พร้อมทั้งเหตุผลว่าทำไมอาชีพเหล่านี้ถึงจะยังคงอยู่และเติบโตได้ดีในโลกอนาคต! 10 อาชีพมาแรงในยุค AI 🚀 มาดูกันว่าอาชีพไหนบ้างที่น่าจับตามองในยุค AI! น้องๆ อาจจะเจอคำตอบที่ช่วยจุดประกายความฝันก็ได้นะ 💫 1. นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst) 📊 เรียกได้ว่าเป็น "นักสืบข้อมูล" ยุคดิจิทัลเลยล่ะ! งานนี้ต้องวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากเพื่อช่วยบริษัทตัดสินใจ AI จะช่วยประมวลผลข้อมูล แต่คนที่จะตีความและให้คำแนะนำที่มีความหมายได้ต้องเป็นมนุษย์เท่านั้น 2. นักพัฒนา AI (AI Developer) 🤖 ถ้าชอบเขียนโปรแกรมและอยากสร้างนวัตกรรม นี่แหละอาชีพในฝัน! คนที่จะพัฒนา AI ให้ฉลาดขึ้นก็ต้องเป็นมนุษย์นี่แหละ ยิ่ง AI พัฒนา งานด้านนี้ก็ยิ่งต้องการคนเก่งๆ มากขึ้น 3. นักจิตวิทยาและที่ปรึกษา (Psychologist & Counselor) 💭 ในโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี คนเราก็ยิ่งต้องการคนที่เข้าใจจิตใจและความรู้สึก AI อาจจะตอบคำถามได้ แต่การให้คำปรึกษาที่อบอุ่นและเข้าใจต้องมาจากมนุษย์เท่านั้น 4. ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity Expert) 🛡️ ยิ่งโลกดิจิทัลกว้างขึ้น การป้องกันภัยไซเบอร์ก็ยิ่งสำคัญ! อาชีพนี้ต้องคิดเร็วกว่าแฮกเกอร์และปรับตัวได้ไวกว่า AI ที่อาจถูกแฮก 5. ครีเอทีฟคอนเทนต์ครีเอเตอร์ (Creative Content Creator) 🎨 AI อาจจะวาดรูปหรือเขียนข้อความได้ แต่ไอเดียสร้างสรรค์และการเล่าเรื่องที่โดนใจต้องมาจากมนุษย์! งานนี้รวมตั้งแต่การทำคอนเทนต์โซเชียล ไปจนถึงการสร้างสรรค์สื่อในรูปแบบต่างๆ 6. ผู้เชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์ (Robotics Specialist) 🦾 รู้จักผสมผสานความรู้ด้านวิศวกรรมและ AI เพื่อสร้างหุ่นยนต์ที่ช่วยให้ชีวิตคนง่ายขึ้น อาชีพนี้ต้องการทั้งความเข้าใจเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ 7.…
Read More
วิทย์-ศิลป์ เลือกสายไหนดี? คำตอบที่ใช่สำหรับคุณ

วิทย์-ศิลป์ เลือกสายไหนดี? คำตอบที่ใช่สำหรับคุณ

dek66, dek67, dek68, dek69, dek70, dek71, dek72, Uncategorized, การพัฒนาตัวเอง
เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า "เรียนวิทย์ต้องเก่งคณิต" หรือ "เรียนศิลป์เพราะไม่ชอบคำนวณ" แต่จริงๆ แล้ว การเลือกสายการเรียนไม่ได้ง่ายขนาดนั้น มาทำความรู้จักทั้งสองสายกันให้ชัดเจนกว่านี้ สายวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ (วิทย์-คณิต) เน้นการเรียนรู้ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การทดลอง และการคำนวณวิชาหลักประกอบด้วย ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และคณิตศาสตร์เข้มข้นฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบเหมาะกับคนชอบค้นคว้า ทดลอง และไม่กลัวการคำนวณ สายศิลป์ ปัจจุบันแบ่งเป็นหลายแขนง เช่น: ศิลป์-คำนวณ เน้นคณิตศาสตร์และภาษาศิลป์-ภาษา มุ่งเน้นการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศศิลป์-สังคม เจาะลึกวิชาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ข้อเท็จจริงที่ควรรู้: ทั้งสองสายมีโอกาสในการประกอบอาชีพที่หลากหลายพอๆ กันการเรียนศิลป์ไม่ได้หมายความว่าเรียนง่ายกว่าวิทย์บางคณะเปิดรับทั้งสายวิทย์และศิลป์ เช่น นิเทศศาสตร์ บริหารธุรกิจทั้งสองสายต่างก็มีการใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์ แค่มุมมองและวิธีการต่างกัน อย่างไรก็ตาม การเลือกสายการเรียนไม่ใช่แค่เรื่องความชอบหรือไม่ชอบวิชาใดวิชาหนึ่ง แต่ควรพิจารณาหลายๆ ปัจจัยประกอบกัน ซึ่งเราจะมาวิเคราะห์กันในส่วนต่อไป วิเคราะห์ตัวเองให้ถ่องแท้ 🔍 การเลือกสายการเรียนที่ใช่ เริ่มต้นจากการรู้จักตัวเองให้ดีก่อน! 🎯 ลองมาวิเคราะห์ตัวเองผ่านหัวข้อต่อไปนี้กัน ความชอบและความถนัด ❤️ สังเกตวิชาที่ชอบ: ไม่ใช่แค่เกรดดี แต่รวมถึงวิชาที่เรียนแล้วสนุก อยากรู้อยากเห็นดูกิจกรรมยามว่าง: ชอบดูคลิปทดลองวิทยาศาสตร์? หรือชอบอ่านนิยาย เรียนภาษา?สำรวจงานอดิเรก: บางทีสิ่งที่ชอบทำตอนว่างอาจเป็นตัวชี้นำอาชีพในอนาคต 🌟 รูปแบบการเรียนรู้ที่เหมาะกับเรา 📚 ชอบลงมือปฏิบัติ ทดลอง? 🧪ถนัดการอ่าน วิเคราะห์ ตีความ? 📖ชอบการนำเสนอ พูดคุย โต้แย้ง? 🗣️สนุกกับการคำนวณ แก้โจทย์? 🔢 เป้าหมายในอนาคต 🎯 คณะที่อยากเรียนต่อคืออะไร?อาชีพในฝันคืออะไร?ลองหาข้อมูลว่าอาชีพที่สนใจรับสายไหนบ้าง คำถามชวนคิด 🤔 เวลาเจอปัญหา คุณมักแก้ไขด้วยวิธีไหน?ถ้าให้ทำงานกลุ่ม คุณชอบรับบทบาทอะไร?เวลาเรียนรู้สิ่งใหม่ คุณชอบวิธีการแบบไหน?อะไรทำให้คุณรู้สึกท้าทายและอยากลองทำ? เคล็ดลับสำคัญ! ⭐ อย่าเลือกตามเพื่อนไม่ต้องกลัวว่าจะเลือกผิด ทุกสายมีความสำคัญปรึกษาครู ผู้ปกครอง รุ่นพี่ได้ แต่ตัดสินใจด้วยตัวเองลองทำแบบทดสอบความถนัดและความสนใจศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจ 📋 เลือกเส้นทางที่ใช่ด้วยข้อมูลรอบด้าน 🎯 หลังจากที่เรารู้จักตัวเองดีแล้ว มาดูวิธีเลือกเส้นทางที่ใช่กัน! 🌟 คณะที่รับนักเรียนสายวิทย์-คณิต 🔬 แพทยศาสตร์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์วิศวกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการอาหารเภสัชศาสตร์ พยาบาลศาสตร์เกษตรศาสตร์ ประมง คณะที่รับนักเรียนสายศิลป์ 📚 นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ศิลปศาสตร์ อักษรศาสตร์นิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ คณะที่รับได้ทั้งสองสาย 💫 บริหารธุรกิจ การจัดการการท่องเที่ยวและการโรงแรมเศรษฐศาสตร์สถิติ คอมพิวเตอร์ศิลปกรรมศาสตร์ ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ ⚖️ โอกาสการทำงานในอนาคตค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรความก้าวหน้าในสายอาชีพความต้องการของตลาดแรงงานทุนการศึกษาที่มีโอกาสได้รับ คำแนะนำสุดท้าย 🌈 ไม่มีสายไหนดีกว่าสายไหน แต่มีสายที่เหมาะกับเรามากกว่าทุกอาชีพมีคุณค่าและสำคัญต่อสังคมอย่ากลัวที่จะเปลี่ยนใจ ถ้าพบว่าเลือกผิดความสุขในการเรียนสำคัญกว่าความคาดหวังของคนอื่นเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง สุดท้ายนี้... อย่าลืมว่าการเลือกสายการเรียนเป็นแค่จุดเริ่มต้น! 🌱 ไม่ว่าจะเลือกสายไหน สิ่งสำคัญคือความตั้งใจและความพยายามของเรา ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ! 💪
Read More
New Year, New Learn: วางเป้าหมายการเรียนให้ปังรับปีใหม่

New Year, New Learn: วางเป้าหมายการเรียนให้ปังรับปีใหม่

Uncategorized, จิตวิทยา, หนังสือ
สวัสดีจ้าทุกคน นี่ก็เป็นช่วงปีใหม่ มาลองถามตัวเองหน่อยนะ… ปีที่ผ่านมาเราเรียนแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?😅 บางคนอาจกำลังคิดว่า "ปีนี้ก็เหมือนเดิม ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง" หรือ "เริ่มต้นดีแต่ท้ายปีหลุด"นี่คือสัญญาณว่า! เราจำเป็นต้องหยุดและ "ส่องตัวเอง" ก่อนวางเป้าหมายใหม่🔍 มาสำรวจตัวเองกันเถอะ! การเรียนที่ผ่านมา เกรดเป็นยังไงบ้าง?วิชาไหนที่ยังคงเป็นปัญหาวิชาไหนที่รู้สึกว่าทำได้ดี 💡 เทคนิคง่ายๆ: จด! โดยเอากระดาษแผ่นหนึ่ง แบ่งออกเป็น 3 คอลัมน์ คอลัมน์ที่ 1: สิ่งที่ทำได้ดีคอลัมน์ที่ 2: สิ่งที่ยังต้องปรับปรุงคอลัมน์ที่ 3: อารมณ์ความรู้สึกต่อการเรียน สไตล์การเรียนรู้ของตัวเอง ชอบอ่านหนังสือ หรือฟังบรรยายเรียนคนเดียวหรือชอบเรียนกลุ่มเวลาไหนที่สมองพร้อมเรียนรู้มากที่สุด 🧠 มุมวิทย์เล็กน้อย มนุษย์เรามีสไตล์การเรียนรู้ 4 แบบ: Visual Learner (เรียนรู้ผ่านภาพ)Auditory Learner (เรียนรู้ผ่านเสียง)Reading/Writing Learner (เรียนรู้ผ่านการอ่านและเขียน)Kinesthetic Learner (เรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติ) อุปสรรคที่ผ่านมา อะไรทำให้เราถอดใจสิ่งไหนที่ขัดขวางการเรียนเคยรู้สึกท้อกับการเรียนไหม ⚠️ ข้อควรระวัง อย่าดูถูกตัวเองอย่าเปรียบเทียบกับคนอื่นให้มองว่าการปรับปรุงคือการพัฒนาตัวเอง แรงบันดาลใจ ทำไมถึงอยากเรียนเป้าหมายระยะยาวคืออะไรอยากไปต่อในเส้นทางไหน 💫 คำถามท้าทาย 5 ปีข้างหน้า อยากให้ตัวเองเป็นแบบไหนเส้นทางการเรียนต้องผ่านจุดไหนบ้าง สรุป! การส่องตัวเองไม่ใช่การตำหนิตัวเอง แต่เป็นการทำความเข้าใจตัวเองอย่างเป็นมิตร เหมือนเป็นเพื่อนที่คอยให้กำลังใจ ในส่วนถัดไป เราจะมาดูกันว่าจะแปลงข้อมูลพวกนี้ไปสู่เป้าหมายที่เป็นจริงได้ยังไง! หลังจากสำรวจตัวเองแล้ว มาดูวิธีเปลี่ยนความคิดให้เป็นเป้าหมายที่จับต้องได้กันเลย! 🎯 🌟 หลักการตั้งเป้าหมาย SMART S - Specific (เฉพาะเจาะจง) ไม่ใช่ "อยากเรียนเก่งขึ้น"แต่เป็น "อยากได้เกรด 3.5 ในเทอมนี้"ตัวอย่าง: "ต้องสอบผ่านวิชาคณิตศาสตร์ด้วยเกรด A" M - Measurable (วัดผลได้) ใส่ตัวเลข ใส่เวลา"อ่านหนังสือ 2 ชั่วโมงทุกวัน""ทำแบบฝึกหัดครบ 100 ข้อต่อสัปดาห์" A - Achievable (บรรลุได้) ตั้งเป้าที่ท้าทาย แต่ไม่ยากเกินไปดูความสามารถปัจจุบันของตัวเองเพิ่มความยากขึ้นทีละนิด R - Relevant (เกี่ยวข้อง) เป้าหมายต้องตรงกับความต้องการจริงๆสอดคล้องกับเส้นทางชีวิตมีความหมายกับตัวเอง T - Time-bound (มีกรอบเวลา) กำหนดวันเริ่มต้น-สิ้นสุดแบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายเล็กมีการติดตามผลเป็นระยะ 📊 ตัวอย่างเป้าหมายแบบ SMART "เพิ่มคะแนนวิชาฟิสิกส์จาก 60 เป็น 75 ภายใน 3 เดือน โดยจะอ่านหนังสือ 2 ชั่วโมงทุกวัน และทำโจทย์พิเศษสัปดาห์ละ 10 ข้อ" 🔍 เทคนิคการแตกเป้าหมายใหญ่ เป้าหมายระยะยาว (1 ปี) เกรดเฉลี่ย 3.5สอบผ่านทุกวิชาเข้าร่วมกิจกรรมวิชาการ…
Read More
เก่งได้ไม่ยาก! สร้างตารางอ่านที่ใช่ ปักเป้าความสำเร็จ

เก่งได้ไม่ยาก! สร้างตารางอ่านที่ใช่ ปักเป้าความสำเร็จ

Uncategorized, จิตวิทยา, ช่วงสอบ
สวัสดีเพื่อนๆชาวเคลียร์ ที่กำลังมองหาวิธีจัดตารางอ่านหนังสือแบบไม่ทรมานจนเกินไป! เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอปัญหาแบบนี้... ตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือวันละ 5 ชั่วโมง แต่พอทำจริงได้แค่ชั่วโมงเดียวก็เหนื่อยแล้ว หรือบางคนก็จัดตารางแน่นเอี๊ยด แต่สุดท้ายทำตามไม่ได้สักวัน จนท้อใจว่า "ทำไมคนอื่นทำได้ แต่เราทำไม่ได้สักที" จริงๆ แล้ว ก่อนจะไปถึงขั้นจัดตาราง มีเรื่องสำคัญที่เราต้องรู้ก่อน นั่นคือ "รู้จักตัวเองให้ดีพอ" 📌 เช็คก่อน! คุณเป็นคนแบบไหน? ช่วงไพรม์ไทม์ของคุณ เช้าสดใส vs. กลางคืนคึกคัก ลองสังเกตดูว่าช่วงไหนที่สมองปลอดโปร่งที่สุด บางคนตื่นเช้ามาสมองแล่นฉิว แต่บางคนกลับรู้สึกดีตอนดึกๆ ไม่มีอะไรถูกผิด แค่ต้องรู้จักใช้ช่วงเวลาที่ใช่ให้คุ้มค่าที่สุด ความทนของสมาธิ มาราธอน vs. สปรินท์ บางคนนั่งอ่านติดต่อกัน 2 ชั่วโมงสบาย แต่บางคนทนได้แค่ 30 นาทีก็ต้องพัก ไม่ต้องกดดันตัวเอง แค่รู้ว่าเราเป็นแบบไหน แล้วจัดตารางให้เหมาะกับตัวเอง สไตล์การเรียนรู้ เรียนรู้ผ่านตา vs. หู vs. การจด บางคนชอบอ่านเงียบๆ บางคนต้องพูดออกเสียง บางคนต้องจดโน้ตไปด้วย ลองสำรวจว่าแบบไหนที่ทำแล้วเข้าใจและจำได้ดีที่สุด 💡 เคล็ดลับ: ลองจดบันทึกพฤติกรรมการอ่านหนังสือของตัวเองสัก 3 วัน จะเห็นแพทเทิร์นที่น่าสนใจเยอะมาก เช่น: ช่วงเวลาไหนที่อ่านแล้วเข้าใจง่ายนั่งอ่านนานแค่ไหนถึงจะเริ่มเหนื่อยสถานที่แบบไหนที่ช่วยให้มีสมาธิวิชาไหนที่ควรอ่านตอนสดชื่น วิชาไหนอ่านตอนสมองล้าๆ ก็ไหว เมื่อรู้จักตัวเองดีแล้ว การจัดตารางในขั้นต่อไปจะง่ายขึ้นเยอะ เพราะเราจะวางแผนบนพื้นฐานความเป็นจริง ไม่ใช่แค่ความคาดหวัง ในส่วนต่อไป เราจะมาดูกันว่าจะเอาข้อมูลพวกนี้มาจัดตารางยังไงให้เวิร์กสุดๆ! หลังจากรู้จักตัวเองดีแล้ว มาดูวิธีจัดตารางแบบที่ทำได้จริงและไม่ทรมานกัน! 🎯 กฎทอง 3 ข้อในการจัดตาราง กฎ "2-1-2" เหมือนการกินข้าว 3 มื้อ แบ่งการอ่านเป็น: เช้า: 2 ชั่วโมง (อ่านวิชาที่ต้องใช้สมอง)กลางวัน: 1 ชั่วโมง (อ่านวิชาที่เบาสมอง)เย็น: 2 ชั่วโมง (ทบทวนและทำแบบฝึกหัด) ทำไมต้อง 2-1-2? เพราะมันสมดุลกับชีวิตประจำวัน ไม่หนักเกินไป และยังมีเวลาพักผ่อนพอ กฎ "45-15" อ่าน 45 นาทีพัก 15 นาที ทำไมต้อง 45-15? เพราะสมองมนุษย์จะเริ่มล้าหลังทำงานต่อเนื่อง 45 นาที การพัก 15 นาทีจะช่วยให้สมองรีเฟรชและพร้อมเรียนรู้อีกครั้ง 💡 ช่วงพัก 15 นาทีทำอะไรดี? ยืดเส้นยืดสายดื่มน้ำเข้าห้องน้ำเดินเล่นสั้นๆหลับตาพัก แต่อย่า: เล่นโซเชียล (เพราะจะเพลินเกิน 15 นาที)กินของหวานจัด (น้ำตาลจะทำให้ง่วง)นอนพัก (จะตื่นยาก) กฎ "ยาก-ง่าย-ยาก" จัดลำดับวิชาแบบ: เริ่มด้วยวิชายาก (ตอนสมองปลอดโปร่ง)ตามด้วยวิชาง่าย (ตอนสมองเริ่มล้า)จบด้วยวิชายากอีกรอบ (ท้าทายตัวเองหน่อย)…
Read More
มาเปลี่ยนชีวิตอันแสนวุ่นวายด้วย Notion

มาเปลี่ยนชีวิตอันแสนวุ่นวายด้วย Notion

Uncategorized
ใครที่กำลังยุ่งกับงานหรือการเตรียมตัวสอบกันบ้าง แล้วไม่รู้จะทำอะไรก่อนดีอันไหนก็สำคัญไปหมด วันนี้ทาง clearnote จึงอยากจะมานำเสนอแอปสุด Productive ให้กับทุกคนค่ะ (more…)
Read More

แก้ปัญหารู้ศัพท์แต่ใช้จริงไม่ได้

Uncategorized, เรียนภาษา
ไม่ว่าใครก็น่าจะเคยมีปัญหาเกี่ยวกับการจำคำศัพท์กันไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจำศัพท์ได้ช้า จำไวลืมไว หรือจำไปแต่ไม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ วันนี้เราจะมาแก้ไขปัญหานี้กันเพื่อให้เพื่อน ๆ สามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับตนเองได้ (more…)
Read More
ควรทำอะไรบ้างเมื่อเหลือเวลาสอบไม่กี่วัน

ควรทำอะไรบ้างเมื่อเหลือเวลาสอบไม่กี่วัน

Uncategorized
หลาย ๆ คนมักจะมีเรื่องให้ยุ่งกันเสมอ รู้ตัวอีกทีก็เหลือ 1 สัปดาห์ก่อนสอบ หรือบางครั้งก็อาจจะเหลืออยู่แค่สองสามวัน!!! ในตอนที่เหลือเวลาสั้น ๆ แบบนี้หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าต้องอ่านอย่างขะมักเขม้นจนไม่มีเวลานอนเท่านั้นจึงจะสามารถรอดจากการสอบไปได้ แต่ความจริงแล้วมันจะดีจริงไหม? เราค่อย ๆ ไปดูกันดีกว่าว่าสิ่งที่ควรทำมีอะไรบ้าง (more…)
Read More
จำได้ง่าย ๆ ด้วยเทคนิคเลือกสีปากกาจดเลคเชอร์

จำได้ง่าย ๆ ด้วยเทคนิคเลือกสีปากกาจดเลคเชอร์

dek67, dek68, dek69, dek70, dek71, dek72, Uncategorized
เคยมั้ย จดอะไรก็จำไม่ได้สักที อยากอ่านต่อ แต่พอเปิดหนังสือเรียนปุ๊ปก็รู้สึกง่วง เหมือนถูกใครวางยา อยากนอนขึ้นมาทันที สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะตัวหนังสือสีดำแน่นเอี๊ยด ไม่มีสีสันดึงดูดให้อยากอ่านต่อ วันนี้เราจึงจะมาแนะนำ ทริคดีๆ ในการเลือกสีปากกาสำหรับจดเลคเชอร์ ไม่ว่าจะจดเพิ่มเติมในหนังสือเรียน สไลด์ถ่ายเอกสารสีขาวดำ หรือทำสรุปด้วยตัวเองในสมุดโน้ต เพื่อเพิ่มสีสันให้กลับมาอ่านแล้วไม่มีหลับ แถมจำได้นาน สอบผ่านฉลุยแน่นอน!!! (more…)
Read More
นอนไม่หลับ ทำไงดี ?

นอนไม่หลับ ทำไงดี ?

Uncategorized
เชื่อว่าทุกคนต้องเคยนอนไม่หลับกันใช่ไหมคะ ? หัวถึงหมอนแล้วกว่าจะหลับได้ช่างทรมานเหลือเกิน บางคนใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะหลับได้สนิท พอนอนไม่พอก็ส่งผลไม่ดีต่อร่างกาย เช่น ร่างกายอ่อนเพลีย สมาธิสั้น ความจำแย่ลง ไปเรียนก็รู้สึกโฟกัสกับบทเรียนได้ไม่เต็มที่ วันนี้จึงจะมาแนะนำแนวทางการแก้ปัญหานอนไม่หลับให้ทุกคนกันค่ะ มาดูกันเลย ✨ (more…)
Read More