เรียนต่อมัธยมที่ญี่ปุ่น เริ่มต้นอย่างไร?

   “ญี่ปุ่น” ประเทศที่เป็นต้นกำเนิดนวัตกรรมและวัฒนธรรมอันน่าทึ่งที่ส่งอิทธิพลไปทั่วโลก ทั้ง ด้านอาหาร, สื่อบันเทิงโดยเฉพาะแอนิเมชั่น, รถยนต์ ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ที่ครองใจผู้คนมายาวนาน จึงไม่แปลกเลยที่จะเป็นประเทศที่หลายคนใฝ่ฝันอยากมาเรียน เพื่อเรียนรู้วิธีการคิดและการทำงานแบบญี่ปุ่น

  ในบทความนี้พี่ TUTOR VIP จึงจะมาแบ่งปันข้อมูลเพื่อให้น้อง ๆ ที่สนใจได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการเรียนต่อมัธยมที่ญี่ปุ่นให้มากขึ้นกัน

เลือกอ่านเนื้อหาที่ต้องการ

เรียนต่อมัธยมที่ญี่ปุ่น ดีอย่างไร?

  การเรียนต่อมัธยมศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการเรียนรู้และพัฒนาตนเองในหลายๆ ด้าน เช่น 

  1. ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ: ระบบการศึกษาของญี่ปุ่นถือว่าดีเป็นลำดับต้น ๆ ของโลก น้อง ๆ จะได้พบกับคุณครูที่มีประสบการณ์สูง และหลักสูตรการสอนอันยอดเยี่ยม 
  2. ได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น: ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ร่ำรวยวัฒนธรรมซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนประเทศใด การได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่นจะทำให้น้อง ๆ ได้สัมผัสกับวัฒนธรรม และธรรมเนียมต่าง ๆ ของญี่ปุ่นที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาได้โดยตรง
  3. ได้พัฒนาทักษะภาษาญี่ปุ่น: ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่มีความสำคัญในระดับโลก องค์ความรู้ในแขนงต่าง ๆ ล้วนถูกแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งสิ้น การที่ได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่นจะทำให้ทักษะภาษาญี่ปุ่นของน้อง ๆ พัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการได้พบเจอกับเจ้าของภาษาโดยตรง และการใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ในห้องเรียน เป็นต้น
  4. ได้พบปะนักเรียนจากนานาประเทศ: ญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่เป็นที่นิยมในการเลือกมาศึกษาต่อจากนักเรียนทั่วโลก ทำให้นอกจากได้สร้างมิตรภาพกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นแล้ว น้อง ๆ ยังมีโอกาสได้สร้างมิตรภาพและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเพื่อนนักเรียนจากประเทศอื่น ๆ อีกด้วย
  5. ได้พัฒนาตัวเองจากการร่วมกิจกรรมนอกห้องเรียน: กิจกรรมชมรมของญี่ปุ่นมีความจริงจังมาก อีกทั้งคนญี่ปุ่นยังขึ้นชื่อเรื่องการทำงานเป็นทีม การที่น้อง ๆ ได้ร่วมกิจกรรมชมรมที่โรงเรียนมัธยมญี่ปุ่นนอกจากจะได้รับความสนุก และมิตรภาพใหม่ ๆ แล้ว ยังได้เรียนรู้กระบวนการคิด และการทำงานในแบบญี่ปุ่นไปในตัวด้วย
  6. ประหยัดค่าใช้จ่าย: หากเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ค่าเล่าเรียนในประเทศญี่ปุ่นถือว่าค่อนข้างถูก จึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีในการได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพในราคาที่ถูกกว่า
  7. โอกาสในการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยระดับโลก: มหาวิทยาลัยชั้นนำของญี่ปุ่นติดอยู่ใน  Top 100 มหาวิทยาลัยโลกทุกปี โดยปี 2023 มีมหาวิทยาลัยจากญี่ปุ่นติด Top 100 ของโลกถึง 5 แห่ง มากเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย ทำให้หากจบการศึกษาระดับมัธยมจากญี่ปุ่นแล้ว โอกาสในการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกในญี่ปุ่นจะเปิดกว้างขึ้นด้วย

อ้างอิงจาก: QS World University Rankings 2023: Top global universities

  เป็นต้น

ระบบการศึกษาในประเทศญี่ปุ่น เป็นอย่างไร?

  ระบบการศึกษาในประเทศญี่ปุ่น ได้รับต้นแบบมาจากหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ และฝรั่งเศส โดยแบ่งระดับการศึกษาออกเป็นดังนี้

  1. การศึกษาภาคบังคับ: ประถมศึกษา (6 ปี) 
  2. การศึกษาภาคบังคับ: มัธยมศึกษาตอนต้น (3 ปี)
  3. การศึกษาระดับ Secondary Education:  มัธยมศึกษาตอนปลาย (3 ปี)
  4. การศึกษาระดับอุดมศึกษา: ปริญญาตรี (4 ปี), ปริญญาโท (2 ปี) และปริญญาเอก (3 ปี)

หลักสูตรการเรียนต่อ มีอะไรบ้าง?

  หลักสูตรการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ของประเทศญี่ปุ่นจะแบ่งเป็น 2 ระดับ ได้แก่ 

  1. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เป็นระดับที่อยู่ในการศึกษาภาคบังคับ ใช้เวลาในการศึกษา 3 ปี หลังจบการศึกษาสามารถเลือกศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเลือกศึกษาต่อในหลักสูตรเฉพาะทางได้
  2. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แบ่งรูปแบบการเรียนเป็น 3 แบบใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
  • หลักสูตรทั่วไป เป็นหลักสูตรสำหรับนักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา
  • หลักสูตรเฉพาะทาง เป็นหลักสูตรสำหรับนักเรียนที่สนใจในสายอาชีพ หรือต้องการประกอบอาชีพนั้น ๆ หลังเรียนจบ โดยมีสาขาวิชาชีพให้เลือก เช่น เกษตรกรรม, อุตสาหกรรม, คหกรรมศาสตร์, ภาษาต่างประเทศ, ดนตรี, การพยาบาล เป็นต้น
  • หลักสูตรบูรณาการ เป็นหลักสูตรที่มีวิชาหลากหลายให้เลือกเรียนทั้งจากหลักสูตรทั่วไป และหลักสูตรเฉพาะทาง

การไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?

  ปัจจุบันโรงเรียนมัธยมทั่วไปในญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเปิดรับนักเรียนต่างชาติ เว้นแต่ว่าจะเป็นนักเรียนต่างชาติที่มีผู้ปกครองพำนักอยู่ที่ญี่ปุ่น นักเรียนต่างชาติส่วนใหญ่จึงนิยมเรียนในโรงเรียนประจำที่มีหอพัก เนื่องจากเปิดรับนักเรียนต่างชาติมากกว่า 

  สำหรับโรงเรียนประจำทั่วไปจะมีค่าเล่าเรียนประมาณปีละ 500,000-700,000 บาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายที่รวมค่าเทอม, ค่าที่พัก และชุดนักเรียนแล้ว

  อย่างไรก็ตามสามารถตรวจสอบข้อมูลค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมของได้โดยติดต่อโรงเรียนที่สนใจได้โดยตรง

ตัวอย่างโรงเรียนที่นิยมในญี่ปุ่น

  จากการจัดอันดับโรงเรียนมัธยมในญี่ปุ่น ที่มีสัดส่วนการศึกษาต่อมหาวิทยาลัยชั้นนำสูงที่สุดที่สุด 10 อันดับแรกโดย inter-edu ประจำปี2023 มีโรงเรียน ดังนี้

  • The Kaisei Academy 
  • Junior and Senior High School at Komaba, University of Tsukuba
  • Nada High Schooll
  • Azabu High School
  • Seiko Gakuin High School
  • Makuhari Junior and Senior High School
  • Nishiyamato Gakuen Junior High School and High School 
  • Komabatoho Junior High School
  • Oin Junior and Senior High School
  • Tokyo Metropolitan Hibiya High School

  ดูรายชื่อโรงเรียนเพิ่มเติมได้ที่: ที่นี่

ต้องเตรียมตัวอย่างไร ต้องสอบอะไรบ้าง?

  การเตรียมตัวสำหรับการไปเรียนมัธยมที่ญี่ปุ่นนั้นมีหลายอย่างที่ควรพิจารณา ดังนี้

  • ค้นหาโรงเรียนที่ใช่: โดยพิจารณาจากหลักสูตร, ค่าใช้จ่าย, และทำเลที่ตั้งของโรงเรียน
  • ทักษะภาษาญี่ปุ่น: เพื่อให้เข้าใจเนื้อหาการเรียนได้อย่างราบรื่น ควรมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นในระดับเบื้องต้นมาบ้าง
  • เนื้อหาการเรียน: ก่อนไปเรียนที่ญี่ปุ่น น้อง ๆ ควรลองหาตำราเรียน หรือดูคลิปการสอนในระดับมัธยมของญี่ปุ่น เพื่อให้เกิดความคุ้นชินกับเนื้อหา และคำศัพท์ที่ใช้ในแต่ละรายวิชา
  • เอกสารสำหรับการยื่นวีซ่า: การจะไปเรียนต่อระดับมัธยมที่ญี่ปุ่นจะต้องมีวีซ่านักเรียน โดยมีเอกสารที่จำเป็น อาทิ หนังสือเดินทาง, เอกสารตอบรับเข้าศึกษา, และ Bank Statement เป็นต้น
  • เปิดใจให้กว้าง หากน้อง ๆ ไปเรียนต่อมัธยมที่ประเทศญี่ปุ่นจะได้พบกับประสบการณ์หลากหลายรูปแบบ จึงควรเปิดใจให้กว้างพร้อมเผชิญหน้ากับประสบการณ์ใหม่ ๆ เสมอ

การไปเรียนต่อญี่ปุ่นทำ visa ยากไหม?

  การทำวีซ่าไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น ค่อนข้างใช้เวลานานจึงต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและเอกสารที่กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การยื่นวีซ่าเป็นไปได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยประเภทวีซ่าที่ต้องขอคือ Student Visa ซึ่งเป็นวีซ่าสำหรับนักเรียนที่จะไปศึกษาต่อระยะยาวที่ญี่ปุ่นโดยเอกสารที่จำเป็นในการขอยื่น Student Visa มี ดังนี้

  1. ใบรับรองสถานภาพการพำนัก (COE) *ใช้เวลาพิจารณาประมาณ 2-3 เดือน
  2. เอกสารตอบรับเข้าศึกษาจากโรงเรียน
  3. ใบรับรองผลการเรียน ฉบับภาษาอังกฤษ (Transcript)
  4. หนังสือเดินทางที่มีอายุคงเหลืออย่างน้อย 6 เดือน
  5. ใบรับรองสุขภาพจากสถาบันทางการแพทย์ที่สถานทูตกำหนด
  6. เอกสาร Bank Statement (ของผู้ปกครอง หรือสปอนเซอร์)

  สิ่งที่สำคัญที่สุดในการยื่นขอวีซ่านักเรียนญี่ปุ่นคือ ใบCOE หากเตรียมเอกสารครบถ้วนโอกาสในการผ่านพิจารณาวีซ่าก็จะมีสูงมาก

สามารถไปเองได้ไหม หรือ ต้องมีคนพาไป หรือ ต้องขอทุนไหม?

  น้อง ๆ สามารถไปเรียนมัธยมที่ญี่ปุ่นเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีคนพาไป อย่างไรก็ตามในการเรียนระดับมัธยม หากไม่ได้เรียนในโรงเรียนประจำซึ่งมีหอพักและคุณครูคอยดูแล อาจจำเป็นต้องจัดหาผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองขณะที่เรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วย 

  ในส่วนของทุนการศึกษา การไปเรียนมัธยมที่ญี่ปุ่นจำเป็นต้องมีสปอนเซอร์ที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเรียนและการใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น เนื่องจากทุนสำหรับนักเรียนต่างชาติในระดับมัธยมมีค่อนข้างน้อย 

  หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับน้อง ๆ ที่และกำลังสนใจไปเรียนต่อมัธยมที่ประเทศญี่ปุ่นกันนะ

  ส่วนน้อง ๆ คนไหนที่กำลังมองหาที่ติว หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้เลย พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ

  บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ

ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand

สนใจเรียนพิเศษภาษาต่างประเทศตัวต่อตัว เพื่อเตรียมตัวไปเรียนแลกเปลี่ยน ติดต่อได้ที่👇

Line logo LINE ID: @tutorvip หรือคลิ๊ก https://lin.ee/UQ3gQwP 

ดูอัตราค่าเรียนพิเศษได้ที่ : https://tutor-vip.com/course/learning-price/

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *