สัมภาษณ์รุ่นพี่เภสัช มหิดล💊 {เคล็ดลับการเตรียมตัว}

 สวัสดีค่ะทุกคน😆 วันนี้เรามีบทความสุดพิเศษสุดพรีเมี่ยมมาฝากค่ะ! นั่นก็คือบทสัมภาษณ์จากรุ่นพี่เภสัช มหิดลนั้นเองงง คณะในดวงใจของใครหลายๆคน หรือแม้แต่น้องๆที่อยากเข้าเภสัช เด็กวิทย์ที่กำลังเลือกที่กำลังเลือกคณะในดวงใจอยู่ ห้ามพลาดเลยนะ!!!

 ซึ่งบทสัมภาษณ์นี้ เราก็จะถามเกี่ยวกับเรื่องคณะ การเตรียมตัว เคล็ดลับการอ่านหนังสือ การจัดอันดับ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับน้องๆทุกคนค่ะ😊

Q: ทำไมอยากเข้าคณะนี้

 โดยส่วนตัวแล้วคือพี่เป็นคนที่ชอบเรียนวิชาแนวๆ วิทยาศาสตร์อยู่แล้ว ที่นี้ช่วงเรียนมัธยมปลายที่จะมีวิชาชีววิทยาเข้ามา พี่รู้สึกว่าพี่มีความสุขกับการเรียนวิชานี้ โดยเฉพาะบทที่เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ พี่เลยคิดว่าถ้าเราชอบวิชานี้เราก็ควรจะเข้าคณะที่เรียนเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์สิ ซึ่งความคิดพี่ตอนนั้นก็จะมีคณะในใจคือ แพทย์ ทันตะ เภสัช ไรพวกนี้ แต่ตอนนั้นพี่รู้สึกว่าตัวเองน่าจะเข้าแพทย์ไม่ไหว เลยเลือกเป็นคณะเภสัชศาสตร์แทน

Q: เล่าเรื่องคณะหรือภาคที่ตัวเองอยู่ให้ฟังหน่อย

 ที่คณะเภสัชมหิดลจะแตกต่างจากเภสัชที่อื่นตรงที่ คณะที่อื่นจะเลือกสายตั้งแต่ยื่นคะแนนสอบเลย แต่ที่นี่จะเลือกตอนจบปี 4 จะขึ้นปี 5 ทำให้อาจจะมีข้อดีตรงที่ถ้ายังไม่รู้ว่าตัวเองจะเรียนสายไหน คณะนี้จะมีเวลาให้น้องคิด 4 ปี แล้วถึงค่อยเลือก (แต่ก็อาจจะลำบากหน่อยถ้าไปเจอวิชาของสายที่ไม่ชอบ 555) ส่วนเรื่องการเรียนแต่ละปีก็จะเป็นแนวๆ ว่า ปี 1 จะเรียนพวกวิชาพื้นฐานทั่วไป เช่น ชีวะ เคมี ฟิสิกส์ (ซึ่งงงมากว่าทำไมต้องเรียน 555) สถิติ แคลคูลัส เนื้อหาก็จะลึกกว่ามัธยมปลายพอตัว ซึ่งปี 1 ทุกคณะจะต้องเรียนรวมที่ศาลายา หลังจากนั้นจึงค่อยแยกย้ายไปตามแต่ละคณะที่อยู่ พอขึ้นปี 2 มาก็จะมาเรียนที่ตัวคณะซึ่งอยู่ที่พญาไท เนื้อหาที่เรียนก็จะเริ่มเกี่ยวกับเภสัชมากขึ้นละ ก็จะเป็นวิชาพื้นฐานที่จำเป็นในการเข้าใจและนำไปใช้ต่อในการเป็นเภสัช ซึ่งวิชาเรียนบางวิชาจะมีหลายตัว เราก็จะค่อยๆ ไต่ระดับเรียนไปเรื่อยๆ (ความแอดวานซ์ก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน 555) วิชาที่เรียนจะเกี่ยวข้องกับชีวะและเคมีเป็นส่วนใหญ่ ถามว่าถ้าไม่ชอบอย่างใดอย่างหนึ่งเรียนได้ไหม ก็ตอบเลยว่าเรียนได้นะ เพราะวิชาส่วนใหญ่ไม่ได้ลงลึกมากขนาดแบบ เส้นเลือดเส้นนี้ชื่ออะไร อิเล็กตรอนสารตัวนี้หมุนยังไง อะไรขนาดนั้น ส่วนใหญ่มันจะเป็นการเรียนแบบประยุกต์ใช้ในทางเภสัชมากกว่า

Q: เตรียมตัวสอบยังไงบ้าง เริ่มตอนไหน

 ช่วงที่เตรียมตัวจริงๆ น่าจะเป็นช่วงปิดเทอม ม.5 ขึ้น ม.6 นะ เป็นช่วงที่เริ่มหาที่เรียนพิเศษไม่ก็แบบพวกหนังสือหรือข้อสอบเตรียมสอบมาอ่านละ การเตรียมตัวของพี่คือพี่จะชอบไปลงเรียนพิเศษมากกว่า เพราะตัวพี่เองไม่สามารถนั่งอ่านหนังสือเองได้ (จะว่าสมาธิสั้นก็ได้ 555) คอร์สที่เรียนก็จะพวกแนวๆ เตรียมสอบเข้ามหาลัยอะไรทำนองนั้น แต่ก็ไม่ได้ลงทุกอย่างนะ บางอย่างที่พี่รู้สึกว่าอ่านเองได้พี่ก็จะหามาอ่านเอง หรือซื้อหนังสือมาอ่านเอง จะลงเรียนเฉพาะวิชาที่เนื้อหาเยอะหรือสำคัญมากๆ เช่น พวกวิชาสายวิทย์คณิตทั้งหลาย มีลงเรียนพวกสอบเฉพาะทางนิดหน่อย พวกกสพท.ไรงี้ แต่คือก็ไม่ได้บอกว่าน้องควรจะลงเรียนพิเศษทุกคนนะ จริงๆ สมัยนี้มีคอร์สเรียนออนไลน์หรือเนื้อหาสอบเข้าให้อ่านฟรีเยอะมากๆ สามารถหาอ่านได้ถามอินเตอร์เน็ตเลย หรือจะซื้อหนังสือมาอ่านเองก็ได้ ที่เล่ามาคือเป็นวิธีที่พี่ใช้เฉยๆ อาจจะไม่เข้ากับน้องทุกคนก็ได้ ยังไงก็ลองหาวิธีที่ไม่ลำบากกับตัวน้องเกินแต่ก็ทำให้น้องมีเนื้อหาพอที่จะเอาไปใช้สอบได้ดูนะ สำคัญคือเนื้อหาในห้องเรียนให้ตั้งใจเก็บด้วย อย่างน้อยถ้าเข้าใจเนื้อหาในห้องเรียนก็จะประหยัดเวลาในการทวนเนื้อหาใช้สอบไปเยอะ ตอนเรียนพี่ก็ใช้วิธีตั้งใจเรียนในห้องนี้แหละ พอตอนทวนเนื้อหาสอบก็จะไปได้ไวขึ้นเพราะเราเข้าใจมาบ้างแล้ว

Q: มีเคล็ดลับยังไงบ้างในการอ่านหนังสือ

 อย่างที่บอกว่าพี่เป็นคนที่ไม่ค่อยมีสมาธิกับการอ่านหนังสือเองเท่าไหร่ พี่เลยใช้วิธีลงเรียนพิเศษเอา จะได้บังคับตัวเองไปในตัว 555 แต่ถ้าต้องอ่านเองจริงๆ พี่ก็จะใช้วิธีแบ่งอ่าน เช่น อ่านถึงบทนี้แล้วค่อยพัก โดยอ่านแบบไม่ต้องอ่านมาก บทสองบทพอ ไรงี้ (อย่าลืมแบ่งเวลาในการอ่านให้ดีๆ ระวังจะอ่านไม่ทัน 555) ถ้าง่วงก็จะใช้วิธีหาน้ำมากินระหว่างอ่าน ก็จะพอช่วยได้อยู่ แต่ถ้าง่วงแบบ ไม่ไหวจริงๆ ก็ไปนอนเท่านั้น เพราะง่วงขนาดนั้นอ่านต่อยังไงก็ไม่เข้าหัวแน่นอน 555 พวกอาหารเสริมบำรุงสมองก็มีกินบ้างนิดหน่อย

Q: ช่วงนั้นเครียดไหม แล้วมีวิธีจัดการกับความเครียดยังไง

 จริงๆ ตัวพี่เองไม่ได้รู้สึกเครียดมากนะ มีบ้างนิดหน่อย แต่เหมือนช่วงที่พี่อ่านเตรียมสอบถ้ามันเครียดๆ พี่ก็ไปเที่ยวกับเพื่อน หาของกินอร่อยๆ ไรงี้ คือยอมรับเลยว่าช่วงเตรียมสอบไม่ได้เครียดมากจริงๆ แต่พอสอบทุกอย่างเสร็จคือล้มป่วย งงมาก 555 คือตอนอ่านหนังสืออะพี่ก็จะใช้วิธีว่าเรียนก็คือเรียน พักก็คือพักอะ พักผ่อนให้หายเครียด ไม่เอาเรื่องเรียนมาคิด ช่วงใกล้สอบก็มีอ่านทวนเนื้อหาบ้าง แต่จะไม่อ่านจนไม่เป็นอันทำอะไรแน่นอน การพักผ่อนก่อนสอบถือว่าสำคัญมาก เพราะถ้าถึงวันสอบจริงแล้วเครียดมันจะทำให้คิดอะไรไม่ออกเลย ที่อ่านมาก็จะไม่มีประโยชน์เลย แนะนำว่าอย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอด้วย สำคัญมากๆ

Q: หลังรู้ผลคะแนนแล้วเป็นยังไงบ้าง จัดอันดับยังไง มีเปลี่ยนแปลงจากที่คิดไว้ตอนแรกมั้ย

 ตอนรู้ผลก็ไม่ได้คิดอะไรนะ คิดว่า เออ นี้แหละคือผลที่เราทำได้ ไม่ได้ผิดหวังหรืออะไรมาก เพราะเราก็รู้สึกว่าทำได้เท่านี้จริงๆ ส่วนเรื่องการจัดอันดับก็ไม่ได้ผิดคาดเท่าไหร่ เพราะคณะที่พี่เข้ามันยื่นได้สองรอบ รอบแรกคะแนนพี่ไม่ค่อยดีพี่ก็ใช้คะแนนรอบสองยื่นเอา เรื่องการจัดอันดับปกติแล้วมันจะมีสถิติคะแนนปีก่อนๆ ให้ดู พี่ก็อ้างอิงจากพวกนั้นแหละ หรือถ้าดีหน่อยก็จะมีบางเว็บที่มีโปรแกรมคำนวนอันดับให้เลย ก็จะสะดวกหน่อย คือเวลาเรารู้คะแนนเราแล้วมันก็จะจัดได้ง่ายละ เพราะอ้างอิงจากคะแนนปีก่อนๆ ได้ แต่ก็ต้องระวังว่าบางปีคะแนนเหวี่ยง ทำให้จัดอันดับยากได้

Q: เล่าเรื่องคณะตัวเองให้ฟังหน่อย (ความประทับใจ หรือ เรื่องที่ไม่ชอบก็ได้)

 ถ้าเรื่องที่ชอบก็จะเป็นเรื่องสังคมของที่นี่ คือที่นี่สังคมดีมาก เพื่อนทุกคนจะช่วยกันเรียน รุ่นพี่ก็จะมีแบบทำสรุปไว้ ให้รุ่นน้องปีหลังๆ อ่านได้ ส่วนอาจารย์ทุกคนก็ใจดี เข้าใจเด็ก อาจารย์ส่วนใหญ่ก็จะแทนตัวเองว่าพี่ เพราะจริงๆ แล้วอาจารย์ก็จะจบจากคณะเภสัชมหิดล แล้วก็กลับมาสอนต่อที่นี่ ส่วนที่ไม่ค่อยชอบคือคณะค่อนข้างแคบ เดินทีจะไหล่ชนกันละ (ล้อเล่นนะ ไม่ได้ขนาดนั้น 555) แล้วก็คณะค่อนข้างสันโดด ไม่ค่อยเจอเพื่อนจากคณะอื่นเท่าไหร่

Q: จบคณะนี้ไปทำอะไรกันบ้าง

 จบเภสัชแล้วจริงๆ ไปได้หลายทางนะ นอกจากทำงานในโรงพยาบาล ร้านยา หรือโรงงานยา ก็จะมีอย่างอื่น เช่น เป็นผู้แทนยา นักวิเคราะห์ปริมาณสาร ผู้ควบคุมคุณภาพยา หรือเรียนต่อเป็นอาจารย์สอนคณะเภสัชก็ได้เหมือนกัน

Q: มีอะไรฝากบอกน้องๆ ไหม

 ก็สู้ๆ กับการสอบเข้านะทุกคนนนน ถึงแม้ว่ามันจะยากแต่ก็อยากให้ทุกคนตั้งใจและพยายามอย่างเต็มที่ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไงก็ขอให้คิดไว้ว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ให้กำลังใจตัวเองเยอะๆ ด้วยนะ ขอให้โชคดีทุกคนครับบบบ

 ก็จบไปแล้วนะคะ สำหรับบทสัมภาษณ์รุ่นพี่คณะในดวงใจที่เราเอามาฝากในวันนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับน้องๆทุกคนไม่มากก็น้อย ทั้งในการเลือกคณะ หรือในการเตรียมตัว นอกจากนี้ทุกคนก็อย่าลืมนำวิธีหรือเคล็กลับการเตรียมตัวไปปรับใช้ หาวิธีที่เข้ากับตัวเองกันนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ สู้ๆค่ะ💖

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *