กว่าจะเป็นนิสิตอักษร แชร์ทุกกระบวนท่าเคล็ดลับสู่คณะที่ใฝ่ฝัน

กว่าจะเป็นนิสิตอักษร แชร์ทุกกระบวนท่าเคล็ดลับสู่คณะที่ใฝ่ฝัน

9วิชาสามัญ, English, GAT/PAT, O-NET, TCAS, รีวิวคณะในฝัน
สวัสดีจ้าน้อง ๆ ทุกคน ขอแนะนำตัวสักหน่อยพี่ชื่อแอดมิน S น้า เชื่อว่า อักษร เป็น 1 ในคณะที่น้อง ๆ ทั้งสายวิทย์ และสายศิลป์ต่างใฝ่ฝันอยากจะเข้าไปเรียน วันนี้แอดเลยจะพาไปสัมภาษณ์รุ่นพี่จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่ามีเคล็ดลับ หรือวิธีการเตรียมตัวในการพิชิตคณะในฝันอย่างไรกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้วเราไปทำความรู้จักกับพี่เขาเลยดีกว่า! 1. แนะนำตัวหน่อยจ้า สวัสดีจ้าเราชื่อแพรว เป็นเด็ก 60 ปัจจุบันเพิ่งจบจาก คณะอักษรจุฬา เอกภาษาอังกฤษ โทภาษาจีนจ้า 2. ทำไมถึงอยากเข้า อักษร เริ่มรู้ตัวเองว่าอยากเข้าตั้งแต่เมื่อไหร่? ขอบอกก่อนเลยว่าจริงๆแล้วเราไม่ค่อยถูกกับวิชาเลขหรือคณิตมาตั้งแต่ต้นแล้วเลยเลือกที่จะเรียนสายศิลป์มาตั้งแต่ตอนมปลาย และก็เริ่มลองหาว่าตัวเองชอบอะไรตั้งแต่ช่วงม. 4 เลยคือลองไปเข้าค่ายเยอะมากๆ ตอนแรกๆนึกว่าตัวเองจะชอบเรียนกฎหมายนะแต่ว่าพอเหมือนเรารู้ว่าถ้าจะเรียนต่อในสาขานี้ จริงๆอาจจะไม่ค่อยสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์เราเท่าไหร่ เลย รอไปงาน open house ของจุฬาฯดูแล้วก็ได้เห็นว่าคณะอักษรได้เรียนอะไรบ้างเลยรู้สึกคลิกกับคณะนี้มากๆ  บรรยากาศงาน Open House อักษร จุฬา 3. เริ่มเตรียมตัวตั้งแต่เมื่อไหร่? เริ่มเตรียมตัววางแผนอนาคตการสอบเข้าตั้งแต่ม 5 เทอม 2 เลยค่ะ จะเรียกว่าเตรียมตัวได้ไหมนะจริง ๆ แค่ เริ่มฝึกท่องศัพท์เฉย ๆ อ่ะค่ะ ฮ่าๆๆ 4. มีเคล็ดลับในการเตรียมสอบเข้า อักษร ยังไงบ้าง? เคล็ดลับในการเตรียมสอบของเราหลัก ๆ เลยคือเรื่องของวินัยค่ะอย่างแรกเลยเพราะหลังจากเราวางแผนเสร็จแล้วคือมันเป็นเรื่องง่ายมาก ๆ ที่แผนของเราจะล่มภายในไม่กี่อาทิตย์ เราเริ่มพยายามสร้างวินัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะคือ การเอาขนมไปแทรกไว้ตรงหน้าหนังสือที่เราตั้งไว้ว่าเป็นเป้าหมายว่าจะต้องอ่านไปให้ถึงให้ได้พอเราเห็นขนมเป็นรูปเป็นร่างกำลังรอคอยเราอยู่ในหน้าหนังสือที่เป็นเป้าหมายนั้นไม่ว่ายังไงเราก็ต้องอ่านหนังสือให้ไปถึงเป้าหมายในแต่ละวันของเราค่ะ แต่ก็จะมีข้อเสียอยู่อย่างนึงนะคะก็คือว่ากว่าจะอ่านจนหมดเล่มก็น้ำหนักขึ้นไปหลายโลแล้วค่ะ ฮ่าๆ 😂 แต่วิธีนี้ได้ผลกับเรามากๆจนสามารถอ่านหนังสือตามเป้าหมายได้ไปหลายเล่มเลย ถ้าน้องหรือเพื่อนๆคนไหนสนใจก็สามารถนำไปใช้กันได้นะคะ ไม่หวงค่ะ! และที่สำคัญเลยที่เราอยากจะแชร์ก็คือเราสอบเข้าอักษรจุฬามาโดยอ่านโน้ตจากในแอป Clear เนี่ยแหละค่ะ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าส่วนตัวเรียนสายศิลป์ภาษาเยอรมันมาแต่เนื่องจากคะแนน PAT ภาษาเยอรมันนั้นฝืดเสียเหลือเกินเลยเปลี่ยนใจมาสอบเป็น PAT ภาษาญี่ปุ่นแทนค่ะ ที่นี้ก็เลยต้องหาความรู้เพิ่มเติมจากการอ่านโน้ตของเพื่อนในแอป Clear นี่แหละค่ะ และจะบอกว่ามันช่วยได้จริงๆนะคะเพราะว่าเมื่ออ่านโน้ตของเพื่อนๆหลายๆคนแล้วแต่ละคนก็เหมือนมาแชร์ในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อนแล้วเราพอเราอ่านไปหลายๆเล่มก็ทำให้เรามีชุดความรู้ในหัวที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์สามารถสอบได้เลยค่ะ! ที่นี้สำหรับน้องที่อยากเข้าอักษรโดยเฉพาะเลย เราขอเน้นย้ำว่าคะแนนภาษาอังกฤษ คะแนนสังคม ภาษาไทยและคะแนนในส่วนของ PATภาษาต่างประเทศนั้นสำคัญมาก ๆ ค่ะ และสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราในการอ่านวิชาพวกนี้ก็คือการเก็บเนื้อหาให้ได้มากๆค่ะไม่ว่าจะเป็นทางด้านความรู้รอบตัวหรือว่าทางด้านคำศัพท์มันเป็นสิ่งที่เราจะต้องทยอยอ่านไปเรื่อย ๆ บางทีก็จะรู้สึกว่าเก็บเท่าไหร่ก็เก็บไม่หมด เลยจะแอบมากระซิบว่าอย่าเพิ่งหมดกำลังใจไปก่อนจะเก็บเนื้อหาหมดนะคะ! 5. เคยเหนื่อย หรือท้อบ้างมั้ย จัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไง? ถ้าถามว่าเคยเหนื่อย หรือเคยท้อบ้างไหมขอบอกเลยว่าก็จะมีความคิดแบบนี้แว็บเข้ามาในหัวบ่อยๆตอนที่อ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ หรือว่าต้องแบกรับภาระหน้าที่อะไรหลายๆอย่างไปในเวลาเดียวกัน จริงๆส่วนใหญ่ช่วงเวลาแบบนั้นขึ้นก็จะเลือกที่จะคุยกับเพื่อนเยอะๆเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกดาวน์ไปมากกว่านี้ เรารู้สึกว่าการเปิดใจคุยกับใครสักคนไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ตัวเพื่อนหรือครอบครัวมันจะทำให้เรารู้สึกโล่งและก็ทำให้เราถอยหลังออกมาจากปัญหา มามองปัญหาในภาพรวมกว้างๆมากขึ้น ทำให้เราไม่หมกมุ่นจนเสียสุขภาพจิตจนเกินไปค่ะ นอกจากนี้เองเราก็อาจจะหันไปหาที่พึ่งทางใจคือการทำงานอดิเรกหรือว่าหาสิ่งที่เราชอบ ยกตัวอย่างเช่นในกรณีของเรา เราก็จะชอบดูพวกอนิเมะและอ่านมังงะมาก ๆ เราก็พยายามทำสิ่งนั้นเพื่อทำให้ฮอร์โมนแห่งความสุขหลั่งออกมาเยอะๆค่ะ อ่ะ พอพูดถึงฮอร์โมนแห่งความสุขจะบอกว่าช่วงม. 6 นอกจากอ่านหนังสือแล้ว เราก็แบ่งเวลามาตีแบตกับเพื่อนด้วยค่ะ ช่วงเวลาหลังจากออกกำลังกายก็จะรู้สึกสดชื่นขึ้นนะคะ ถือเป็นการได้พักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจเลยค่ะ! 6.…
Read More
3 เมคอัพยอดฮิต สำหรับสาว ๆ มัธยม

3 เมคอัพยอดฮิต สำหรับสาว ๆ มัธยม

สุขภาพและความงาม, แบบสอบถาม ออนไลน์
สวัสดีค่ะ หลังจากในบทความที่แล้วเราได้พาทุกคนไปสำรวจกันว่า สาว ๆ มัธยมนิยมใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์แบบไหนกันบ้างแล้วนะคะ สำหรับในบทความนี้เองนะคะก็ยังไม่พ้นในเรื่องของความสวยความงามค่ะเพราะในบทความนี้เราจะพาคนไปดูกันเขาว่าจากการทำแบบสอบถามออนไลน์ในหมู่ผู้ใช้ Clear ทุก ๆ คนมีไอเทมเมคอัพสำหรับแต่งหน้ายังไงกันบ้าง แล้วแต่ละคนมีลักษณะในการเลือกเครื่องสำอางอย่างไรกันบ้างไปดูกันเลยค่ะ ความสนใจในการแต่งหน้าของสาว ๆ โดยหลังจากที่เราได้ปล่อยชุดแบบสอบถามออนไลน์เกี่ยวกับการใช้เครื่องสำอางในมือน้อง ๆ มัธยมก็พบว่ากว่าร้อยละ 70 มีความสนใจในเรื่องการแต่งหน้า ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยนะคะเพราะว่า เชื่อว่าการแต่งหน้านั้นเป็นการลงทุนระยะยาวค่ะ! ใครที่เรียนรู้ศาสตร์นี้ได้ก่อนก็จะยิ่งได้เปรียบกว่าเพื่อน ๆ นะคะ ฮ่า ๆ   เริ่มแต่งหน้ากันตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? ซึ่งจริง ๆ แล้วก็จะนำเรามาสู่แบบสอบถามออนไลน์ในข้อถัดมาที่มีข้อมูลระบุว่าน้อง ๆ มากกว่า 27% เริ่ม ใช้เครื่องสำอางตั้งแต่อยู่ชั้นระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 และจากนั้นก็เริ่มใช้ในระดับชั้นมัธยมที่ 3 และระดับชั้นมัธยมปีที่ 2 ลดหลั่นกันไปตามลำดับค่ะ ซึ่งรวมรวมแล้วเราก็จะเห็นว่ามากกว่าครึ่งของสาวมัธยมเลือกที่จะใช้เมคอัพการตั้งแต่อยู่ในระดับชั้นมัธยมต้นนัดกันเลยนะคะเนี่ย ปัญหาผิวของสาว ๆ มีอะไรกันบ้าง ทีนี้เราไปดูกันเขาว่าปัญหาผิวส่วนใหญ่ที่สาว ๆ มีความกังวลจะเป็นเรื่องอะไรบ้างโดยจากผลของแบบสำรวจออนไลน์ที่เราได้มาแทบจะไม่น่าตกใจเลยนะคะเพราะว่ากว่า 80% มีความกังวลใจในเรื่องปัญหา "สิว" ค่ะ จากนั้นปัญหาที่รองลงมาก็จะเป็นเรื่องผิวมัน และขอบตาคล้ำค่ะ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เป็นปัญหาปกติที่พบได้ในสภาพผิวของสาว ๆ ที่เริ่มมีฮอร์โมนกันนะคะ เพราะเรื่องหน้ามันเนี่ยก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฮอร์โมนจริง ๆ และนอกจากนี้ปัญหาเรื่องขอบตาดำก็สามารถพบเจอได้ทั่วไปในหมู่ผู้ที่พักผ่อนน้อยหรืออ่านหนังสือหนัก ๆ ด้วยค่ะ เรียกได้ว่าต้องเห็นใจน้อง ๆ  ชั้นมัธยมเหมือนกันนะคะเนี่ยนอกจากจะมีเรื่องกลุ้มใจในด้านการเรียนแล้วยังต้องแบ่งเวลามาดูแลสุขภาพผิวกันอีกด้วยค่ะ 3 ไอเทมลับ ฉบับสาวมัธยม!? ทีนี้เราก็จะมาเข้าสู่ช่วงไฮต์ไลต์ของบทความเหมือนกันแล้วนะคะซึ่งก็คือ การจัดลำดับ 3 ไอเทมสำหรับ สาว ๆ ชั้นมัธยมในการเลือก เมคอัพสำหรับการแต่งหน้าไปโรงเรียนแล้วค่ะขอบอกก่อนเลยนะคะว่า จริง ๆ แล้วน้องเนี่ยค่อนข้างจะมีไอเทมที่แตกต่างและหลากหลายกันออกไปขึ้นอยู่กับจำนวนงบประมาณและความชอบของแต่ละคนนะคะแต่ที่เราคัดเลือกกันมาใน 3 ลำดับเครื่องสำอางกันในวันนี้ก็จะเป็นแบรนด์ที่มีน้องแนะนำกันเข้ามาบ่อย ๆ ค่ะ และสำหรับ 3 เมคอัพที่ได้รับความนิยมในหมู่สาว ๆ ชั้นมัธยมก็จะมีดังนี้เลยนะคะ ชื่อสินค้า sis2sis Lip & Cheek Creamy Tint รายละเอียด ทินท์สำหรับแก้มและริมฝีปากในรูปแบบซอง จากซิสทูซิส เนื้อครีม สัมผัสนุ่ม ไม่หนักริมฝีปาก สีสันติดทนนาน มอบความสดใสเป็นธรรมชาติ สะดวกต่อการพกพา ซื้อทางออนไลน์ได้ ที่นี่ ชื่อสินค้า Glow Tint Lip Balm รายละเอียด ลิปบาล์มให้ความชุ่มชื่นและสีสันสดใสแก่ริมฝีปาก ลิปบาล์มเนื้อนุ่มให้ความชุ่มชื่นแก่ริมฝีปากตลอดทั้งวัน ให้สีสันสดใสและสวยงาม ซื้อทางออนไลน์ได้ ที่นี่ ชื่อสินค้า ทรานส์ลูเซนท์ พาวเดอร์ รายละเอียด แป้งฝุ่นโปร่งแสงเนื้อละเอียดและบางเบา ด้วยความโปร่งแสงของเนื้อแป้ง ทำให้ใช้ได้กับทุกโทนสีผิว ช่วยเซ็ตรองพื้นให้อยู่ตัวและไม่ทำให้สีรองพื้นเปลี่ยน ซื้อทางออนไลน์ได้ ที่นี่ งบเมคอัพต่อเดือน ทีนี้พอเราได้ไม่เห็นกันแล้วว่าไอเทมหลายอย่างล้วนมีราคาที่จับต้องได้สำหรับสาว…
Read More
พาชม!! เทรนด์การดูแลผิว และปัญหาสุขภาพผิวยอดฮิตในหมู่นักเรียน

พาชม!! เทรนด์การดูแลผิว และปัญหาสุขภาพผิวยอดฮิตในหมู่นักเรียน

สุขภาพและความงาม, แบบสอบถาม ออนไลน์
สวัสดีค่ะทุกคน หลังจากที่เราพาไปเจาะลึกกันเรื่อง เรียนต่อต่างประเทศ กันในบทความที่แล้ว ในบทความนี้นะคะ เราจะกลับมาพบกันใหม่กับบทความที่เกี่ยวเนื่องกับผลสำรวจออนไลน์เรื่องความสนใจในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ในหมู่ผู้ใช้ Clear กันนะคะสำหรับในบทความนี้จะเป็นบทความที่เกี่ยวข้องกับการ ดูแลผิวพรรณและ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ยอดนิยมที่เหล่าสาวมัธยมให้ความไว้วางใจกันนะคะ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ดังกล่าวจะเป็นอย่างไรบ้างเดี๋ยวเราจะพากันไปดูในบทความนี้กันเลยค่ะ ความสนใจในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ แต่ก่อนอื่นเราขอบอกก่อนเลยนะคะว่าสำหรับผู้ใช้งานแอป Clear เนี้ย กว่า 90% เป็นผู้ที่สนใจในการใช้สกินแคร์ค่ะซึ่งถือว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ที่เยอะมาก ๆ แต่ก็ไม่แน่แปลกใจเลยนะคะเพราะว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ในแอปของเราก็ล้วนเป็นสาว ๆ วัยมัธยมกันทั้งนั้นจะมีความสนใจในเรื่องผลิตภัณฑ์สกินแคร์บ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรค่ะ เพื่อน ๆ เริ่มใช้สกินแคร์กันตั้งแต่เมื่อไหร่นะ แต่ผลลัพธ์ที่น่าตกใจอีกอย่างนึงเลยก็คือน้อง ๆ กว่า 50 เปอร์เซ็นต์เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์การตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมที่ 1 ค่ะซึ่งก็คือเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์กันตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียนมัธยมเลยนะคะเนี่ย และจากนั้นก็เริ่มใช้ในระดับชั้นมัธยมที่ 2 และ 3 ลดหลั่นกันมาตามลำดับเลยนะคะ จากข้อมูลดังกล่าวเนี่ยเรียกได้ว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาเลยที่สาว ๆ วัยแรกรุ่นนั้นจะเริ่มดูแลสุขภาพผิวกันค่ะ ปัญหาเรื่องผิวที่ต้องพึ่งสกินแคร์!? ทีนี้เราไปดูกันเขาว่าปัญหาผิวส่วนใหญ่ที่สาว ๆ มีความกังวลจะเป็นเรื่องอะไรบ้างโดยจากผลของแบบสำรวจออนไลน์ที่เราได้มาแทบจะไม่น่าตกใจเลยนะคะเพราะว่ากว่า 80% มีความกังวลใจในเรื่องปัญหา "สิว" ค่ะ จากนั้นปัญหาที่รองลงมา ก็จะเป็นเรื่องผิวมัน และขอบตาคล้ำค่ะ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เป็นปัญหาปกติที่พบได้ในสภาพผิวของสาว ๆ ที่เริ่มมีฮอร์โมนกันนะคะ เพราะเรื่องหน้ามันเนี่ยก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฮอร์โมนจริง ๆ และนอกจากนี้ปัญหาเรื่องขอบตาดำก็สามารถพบเจอได้ทั่วไปในหมู่ผู้ที่พักผ่อนน้อยหรืออ่านหนังสือหนัก ๆ ด้วยค่ะ ไอเทมสกินแคร์สุดฮอตสำหรับสาว ๆ !! และแน่นอนว่าในการที่น้อง ๆ จะกำจัดเจ้าสิวตัวร้ายและความมันออกไปจากบนใบหน้า น้อง ๆ ก็จะต้องมีตัวช่วยสำคัญในการทำความสะอาดใบหน้าใช่ไหมล่ะคะในการสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ในการดูแลศูนย์หน้าของน้อง ๆ ก็พบว่าส่วนมากจะให้ความสำคัญเรื่องผลิตภัณฑ์ล้างหน้าค่ะ โดยผลิตภัณฑ์สกินแคร์ 3 ชนิดที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่ผู้ใช้แอพพลิเคชั่น Clear ของเรานะคะก็จะมีดังนี้เลยค่ะ ชื่อสินค้า Smooth E Babyface Gel รายละเอียด เจลไม่มีฟอง สำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย และเป็นสิวง่ายอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองแพทย์ผิวหนังแนะนำให้ใช้ ซื้อทางออนไลน์ได้ ที่นี่ ชื่อสินค้า Innisfree Bija Trouble Facial Foam รายละเอียด สะอาด ไร้สิว กับคลีนซิ่งโฟมบีจาเนื้อเนียนนุ่ม จากอินนิสฟรี ช่วยทำความสะอาดใบหน้าได้อย่างหมดจด และปลอบประโลมผิวสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว ซื้อทางออนไลน์ได้ ที่นี่ ชื่อสินค้า Multi Deep-Clean Cleanser รายละเอียด คลีนเซอร์ที่ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก ด้วยประสิทธิภาพของส่วนประกอบสำคัญ อาทิ เอนไซน์ปาเปน สารสกัดจากผลบลูเบอร์รี่ ช่วยทำความสะอาดเมกอัพ ครีมกันแดด และมลภาวะที่เกาะติดผิว เผยผิวสะอาด กระจ่างใส อย่างมีสุขภาพดี ซื้อทางออนไลน์ได้ ที่นี่ งบสำหรับสกินแคร์ต่อเดือน และเมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์สกินแคร์ หลาย ๆ คนก็อาจจะคิดว่า อย่างนี้จะต้องมีค่าใช้จ่ายรายเดือนเป็นประจำแน่…
Read More
น้อง ๆ มัธยมอยากไปศึกษาต่อต่างประเทศประเทศที่ไหนกันบ้าง!? ไปดูโพลกัน!

น้อง ๆ มัธยมอยากไปศึกษาต่อต่างประเทศประเทศที่ไหนกันบ้าง!? ไปดูโพลกัน!

ข้อมูลเรียนต่อนอก, แบบสอบถาม ออนไลน์
ขอแชร์ ! ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสนใจของนักเรียนมัธยมเกี่ยวกับการศึกษาต่อต่างประเทศ สวัสดีค่ะทุกคน! เชื่อว่าหลาย ๆ คนตอนนี้คงเบื่อโควิดและอยากจะออกไปใช้ชีวิตให้สมใจที่ต่างประเทศ บางคนก็วางแผนศึกษาต่อต่างประเทศ หรือหาโครงการเรียนต่อต่างประเทศอยู่ วันนี้ทาง แอปพลิเคชัน Clear ของเราเลยอยากนำผลของแบบสอบถามออนไลน์ที่น่าสนใจมาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ได้รู้ถึงข้อมูล แนวโน้ม ความสนใจของเหล่านักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายต่อการศึกษาต่อต่างประเทศกันค่ะ กลุ่มผู้ทำแบบสอบถามในชุดนี้ ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูกันเลยค่ะ โดยผลแบบสอบถามออนไลน์ที่เราจะนำมาเสนอกันในวันนี้นะคะ เป็นวิจัยแบบสอบถามออนไลน์ในเรื่องความสนใจในการศึกษาต่อต่างประเทศของน้อง ๆ  ผู้ใช้แอพพลิเคชั่นเคลียร์ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลาย รวมไปถึงนักศึกษาระดับอุดมศึกษาโดยในแบบสอบถามออนไลน์ดังกล่าวนี้มีผู้ที่เข้ามาตอบแบบสอบถามทั้งหมด 698 คนแบ่งออกตามช่วงระดับชั้นได้ดังนี้ ระดับชั้นการศึกษา แผนภูมิแสดงสัดส่วนจำนวนผู้ร่วมตอบแบบสอบถามออนไลน์แบ่งตามระดับการศึกษา มัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 52 คน มัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 85 คน มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 118 คน มัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 114 คน มัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 96 คน มัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 89 คน และผู้ร่วมตอบแบบสอบถามที่เหลือคือผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นอุดมศึกษาค่ะ ความสนใจของนักเรียนต่อการศึกษาต่อต่างประเทศ เมื่อเรารู้กลุ่ม อายุของผู้เข้าร่วมการวิจัยแบบสอบถามออนไลน์นี้แล้วเรามาดูความสนใจของ น้อง ๆ ที่ร่วมตอบแบบสอบถามกันเลยค่ะ ผู้ที่ตอบแบบสอบถามกว่า 90% ให้ข้อมูลว่าพวกเขาต่างสนใจที่จะศึกษาต่อต่างประเทศ ซึ่งก็คือราว 480 คนนั้นอยากกำลังมองหาโครงการเรียนต่อต่างประเทศที่น่าสนใจขณะที่ราว 10% หรือประมาณ 60 คนนั้นรู้สึกเฉย ๆ กับการศึกษาต่อต่างประเทศและที่เหลืออีกประมาณ 10 กว่าคนที่ร่วมตอบแบบสอบถามนี้บอกว่าพวกเขาไม่ค่อยสนใจที่จะศึกษาต่อต่างประเทศแต่จากผลของแบบสอบถามดังกล่าวก็แสดงให้เห็นว่าในจำนวนของนักเรียน 698 คนนั้นไม่มีใครเลยที่ "ไม่สนใจ" การศึกษาต่อต่างประเทศค่ะ หรือกล่าวโดยง่าย ๆ ก็คือนักเรียนทุกคนที่ร่วมตอบแบบสอบถามนี้ทุกคนต่างมีความสนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อการศึกษาต่อต่างประเทศอยู่แล้วนั่นเองค่ะ! แผนภูมิแสดงสัดส่วนความสนใจการศึกษาต่อต่างประเทศ ประเทศในฝันของเหล่านักเรียน แล้วทีนี้เพื่อน ๆ ที่อยากจะไปศึกษาต่อต่างประเทศนั้นเขาสนใจจะไปเรียนต่อกันที่ไหนหรือมีการเตรียมตัวยังไงกันบ้างไปดูกันเลยค่ะ กราฟแสดงอัตราเฉลี่ยของประเทศที่นักเรียนต้องการไปศึกษาต่อ ผลจากแบบทดสอบออนไลน์ที่เราได้ให้น้อง ๆ ได้ทำการนะคะแสดงผลออกมาว่าประเทศอันดับหนึ่งในใจของใครหลาย ๆ คนเลยก็คือสหรัฐอเมริกานั้นเองค่ะเพราะมีน้อง ๆ ตอบกันเข้ามาว่าอยากที่จะไปศึกษาต่อที่นี่กว่า 60% หรือก็คือประมาณ 300 คนนั่นเองค่ะ ทีนี้ประเทศที่ได้รับความนิยมรองลงที่น้อง ๆ มักจะหาโครงการเรียนต่อต่างประเทศมาก็จะ ได้แก่ ประเทศอังกฤษ ประเทศเกาหลีใต้ ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศจีน ประเทศแคนาดา ประเทศออสเตรเลีย ประเทศญี่ปุ่น ประเทศฝรั่งเศส เยอรมนีและอิตาลีตามลำดับเลยค่ะ จะเห็นว่าน้อง ๆ หลายคนล้วนมีความสนใจในการไปศึกษาต่อต่างประเทศอย่างไรกันมาก ๆ เลยนะคะไม่ว่าจะเป็นทวีปทางฝั่งยุโรปหรือทางเอเชียเองก็ได้รับความนิยมพอ ๆ กันเลยค่ะ นอกจากนี้เองเราก็ได้ถามเพิ่มเติมกับน้อง ๆ ไปอีกเขาว่า…
Read More
บันทึกประสบการณ์นิสิตแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น – ม.ริคเคียว

บันทึกประสบการณ์นิสิตแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น – ม.ริคเคียว

ข้อมูลเรียนต่อนอก
น้อง ๆ คนไหนที่กำลังสนใจ หรือวางแผนจะไปเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศ แนะนำให้อ่านเรื่องราวประสบการณ์การเป็นนิสิตแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นจากพี่นาร่าเลย ! อ่านบทความนี้แล้วสนใจเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนกันมั้ยเอ่ย? โปรไฟล์ ชื่อเล่น:นาร่าปีที่ไปแลกเปลี่ยน : 2019 - 2020ประเทศที่ไปแลกเปลี่ยน: ญี่ปุ่นเมือง: โตเกียวมหาวิทยาลัย: Rikkyo Universityช่วงระยะเวลา: 2019/9 - 2020/8  ก่อนไปแลกเปลี่ยน ทำไมถึงตัดสินใจไปแลกเปลี่ยน? เนื่องจากมีความฝันตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วค่ะว่าอยากไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะชอบเครื่องแบบนักเรียน ตัวโรงเรียน และพวกเรื่องชมรมต่าง ๆ ของญี่ปุ่น แต่หากไปแลกเปลี่ยนช่วงมัธยม ค่าใช้จ่ายในการไปแลกเปลี่ยนนั้นค่อนข้างสูง ทำให้ต้องล้มเลิกไป แต่เมื่อได้เข้าเรียนเอกญี่ปุ่น นิสิตส่วนใหญ่ก็ไปแลกเปลี่ยนกันช่วงประมาณหลังจบปี 3 เพื่อพัฒนาความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นของตัวเอง บวกกับเพื่อหาประสบการณ์ต่างประเทศ เพราะอยู่ในประเทศไทยไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดหรือได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นมากเท่าไรนัก และคิดว่าถ้าไปอยู่ญี่ปุ่นสักพักหนึ่งน่าจะได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นแทบทั้งวันและทุกวัน ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนา จึงตัดสินใจไปแลกเปลี่ยนค่ะ ทำไมถึงเลือกไปแลกเปลี่ยนที่ Rikkyo University? เหตุผลแรกที่มหาวิทยาลัยริคเคียวเนื่องจากตัวแคมปัสของมหาวิทยาลัยสวยค่ะ แคมปัสของมหาวิทยาลัยมีสองที่คือที่อิเคะบุคุโระ (โตเกียว) และนีซ่า (ไซตามะ) ซึ่งนั่งรถไฟห่างกัน 20 นาที และตอนอยู่หอก็อยู่หอใกล้ ๆ นีซ่าแคมปัสค่ะ แต่ส่วนใหญ่เลือกลงวิชาที่อยู่อิเคะบุโคโระแคมปัส เพราะชอบแคมปัสนั้นมากกว่านิดหน่อย มีต้นคริสมาสต์ใหญ่มากตั้งอยู่ข้างหน้าสองต้นด้วยค่ะ ซึ่งช่วงเทศกาลคริสมาสต์ก็จะมีการประดับไฟต้นคริสมาสต์ ทำให้นักเรียนที่นี่ก็ตั้งตารอกันสุด ๆ ค่ะ แล้วก็โรงอาหารของแคมปัสนี้เลื่องชื่อมาก ว่าให้ฟีล harry potter แต่นีซ่าแคมปัสเองก็สวยไม่แพ้กันนะคะ เหตุผลที่สองคือริคเคียวเป็นมหาวิทยาลัยที่มีนักเรียนต่างชาติมาแลกเปลี่ยนเยอะค่ะ ทำให้ไม่ใช่แค่ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาภาษาอังกฤษควบคู่ไปด้วย และนักเรียนที่นี่ก็พูดอังกฤษกันได้เยอะมาก ๆ ค่ะ เหตุผลสุดท้ายก็คือเรื่องทุนค่ะ คือตัวทุนเป็นขององค์กรชื่อ Sato Yo ซึ่งมอบทุนให้นักเรียนจากSouth east asiaที่มาแลกเปลี่ยนที่นี่ ซึ่งริคเคียวก็เป็นมหาวิทยาลัยหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการนั้นด้วย ทำให้สามารถขอทุนได้ค่ะ ตัวทุนนี้จะได้เท่ากับทุนรัฐบาลญี่ปุ่นเลยค่ะ แต่ต้องเขียนรีพอร์ทประจำเดือนส่งทุกเดือน และมีกิจกรรมของทุนให้เข้าร่วมค่ะ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นทุนที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ ทั้งนี้ยังมีทุนแจสโซ่ที่นักเรียนที่จะมาแลกเปลี่ยนที่ริคเคียวสามารถสมัครได้ด้วยค่ะ ก่อนมาแลกเปลี่ยนมีเรื่องที่กังวลใจหรืออุปสรรคอะไรบ้างไหม? ก่อนที่จะมาญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรกังวลเท่าไหร่ แค่รู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ เพราะเป็นประเทศที่อยากไปแลกเปลี่ยนมาตั้งแต่เด็ก แต่หลายคนอาจจะกังวลว่ามาแล้วจะมีเพื่อนไหม จะคุยกับคนอื่นรู้เรื่องไหม จะใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศคนเดียวรอดหรือเปล่า ความจริงคือไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เพราะที่จริงที่นี่ก็มีคนไทยอยู่กันค่อนข้างเยอะ เจอคนไทยบ่อยมาก ๆ แต่บอกตามตรงว่าริคเคียวมีคนไทยไปแลกเปลี่ยนน้อยมากค่ะ ตอนปีที่ไปมีกันแค่สองคน ซึ่งส่วนใหญ่จะได้เพื่อนเป็นชาวต่างชาติมากกว่า ถึงพูดญี่ปุ่นหรืออังกฤษไม่ได้ แต่นักเรียนที่นี่เป็นมิตรและใจดีมากค่ะ ชวนไปเที่ยวไปสังสรรค์และช่วยเหลือกันตลอด แต่ที่ยากคือเวลาทำเรื่องเกี่ยวกับทางการ หากไม่ได้ภาษาญี่ปุ่นอาจจะเป็นปัญหานิดนึงค่ะ แต่ทั้งเพื่อนญี่ปุ่นและเพื่อนต่างชาติก็จะคอยช่วยคอยช่วยเหลือเราเต็มที่ค่ะ ระหว่างที่ไปแลกเปลี่ยน Rikkyo University เป็นมหาวิทยาลัยแบบไหนและได้ลงเรียนวิชาอะไรบ้าง? เรื่องวิชาที่เรียนนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกสาขาวิชาอะไรไป บางสาขาวิชาอย่างของเรา เราจะสามารถเลือกลงวิชาอะไรก็ได้เลยค่ะ แต่ถ้าเป็นวิชาที่ยากหน่อยหรือของเอกอื่น ก็จะมีเงื่อนไข เช่น ต้องผ่านวัดระดับภาษาญี่ปุ่นระดับนี้ของมหาวิทยาลัยเขานะ ถึงจะลงวิชานี้ได้ แต่อย่างเพื่อนเราเลือกเอกการท่องเที่ยว ก็ต้องลงวิชาที่ต้องเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเพื่อนำไปคิดเกรดกับทางมหาวิทยาลัยที่ไทยด้วยค่ะ (แล้วแต่เงื่อนไขตามแต่ละมหาวิทยาลัยต้นทาง) แต่นอกจากนั้นก็เลือกลงได้หมดเช่นกัน  วิชาที่เลือกลงไปนั้นหลากหลายมาก ๆ นอกจากภาษาญี่ปุ่นก็เช่น จิตวิทยา…
Read More