Blog

แฉหมดเปลือก! 7 เคล็ดลับเรียนให้เกรดปังสไตล์เด็กอักษรจุฬา

แฉหมดเปลือก! 7 เคล็ดลับเรียนให้เกรดปังสไตล์เด็กอักษรจุฬา

English, Uncategorized, ภาษาไทย, สอบกลางภาค, สอบปลายภาค
แฉหมดเปลือก! 7 เคล็ดลับเรียนให้เกรดปังสไตล์เด็กอักษรจุฬา   อยากเริ่มตั้งใจเรียน แต่ทำยังไงๆ ก็เรียนไม่รู้เรื่อง เกรดไม่ดีขึ้น ไม่มีแรงจูงใจอ่านหนังสือ ไม่รู้จะทำยังไงให้รอดจากสอบไปให้ได้!    ถ้าน้องๆ กำลังอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ขอให้เลื่อนลงไปอ่านต่อได้เลย!   เพราะวันนี้ Clear จะขอมาแชร์เทคนิคการเรียนแบบอักษ๊ร อักษรจากเด็กอักษร จุฬา คณะที่เขาว่าเรียนหนัก อ่านหนังสือเยอะกันจ้า! แนะนำตัว   ก็ขอแนะนำตัวกันสักหน่อย พี่ชื่อกิ๊บ เพิ่งจบปี 4 จาก เอกภาษาญี่ปุ่น คณะอักษรศาสตร์ จุฬามาหมาดๆ ต้องขอบอกก่อนว่าเราไม่ได้เรียนเก่งถึงมากถ้าเทียบกับคนอื่นๆ ในคณะ แต่เราอาศัยว่าเราได้อยู่ท่ามกลางคนเก่งๆ ขยันๆ ทำให้เราได้เห็นว่าคนเก่งๆ ได้เกรดดีๆ เขาเรียนกันยังไง เราก็เลยได้รู้วิธีเรียนดีๆ เยอะแยะจากทั้งเพื่อนๆ และอาจารย์ในคณะ ที่ทำให้เราเรียนได้ดีขึ้นแถมยังไม่เบื่อด้วย วันนี้เราก็เลยจะขอมาแชร์เทคนิคที่เราลองทำตามแล้วได้ผลให้น้องๆ ทุกคนลองนำไปทำตามดู   ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย! 1.ตั้งใจฟังอาจารย์ สงสัยให้รีบถาม    เรื่องนี้เป็นเรื่องพื้นฐานที่น้องๆ ทุกคนคงรู้กันดีอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าในชีวิตจริง ก็ยังคงมีหลายๆ คนที่รู้สึกว่า ไม่อยากฟังอาจารย์พูดแล้ว! เดี๋ยวค่อยไปอ่านเอาเองทีหลังก็ได้ แต่การไปอ่านเอาเองทีหลังก็อาจทำให้น้องๆ ไม่เข้าใจเนื้อหาเท่าที่อาจารย์สอน เพราะอาจมีเนื้อหาบางส่วนที่อาจารย์เน้นเป็นพิเศษเพราะออกสอบเยอะด้วย แถมถ้าน้องๆ ไม่ฟังอาจารย์ในคาบ ก็จะถามตรงจุดที่สงสัยไม่ได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่ยอมฟังแล้วไปอ่านเอาเองก็อาจไม่ได้คะแนนเท่าคนที่ตั้งใจฟังอาจารย์สอนก็ได้นะ! 2.อ่านหนังสือแล้วไม่เคลียร์ให้รีบจดคำถามไว้กันลืม   เวลาที่น้องๆ อ่านหนังสือทบทวนด้วยตัวเอง แน่นอนว่าคงมีหลายจุดที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ สงสัยขึ้นมา ขอแนะนำให้รีบจดคำถามนั้นใส่กระดาษหรือโน้ตไว้เลย เพราะถ้าเราอ่านหนังสือนานๆ จนเกิดข้อสงสัยหลายๆ จุดขึ้นมา กว่าจะอ่านจบ น้องๆ ก็อาจจะลืมสิ่งที่ตัวเองสงสัยไปแล้วหรือสับสนว่าเราสงสัยอะไรกันแน่ ถ้าเรารีบจดไว้ ก็จะทำให้ไม่ลืม แล้วก็ไปหาคำตอบเองทีหลังได้ หรือถ้ายังหาคำตอบไม่ได้ก็ยังเอาคำถามพวกนี้ไปถามอาจารย์ต่อได้อีกด้วย วิธีนี้อาจเป็นวิธีที่ดูพื้นๆ เป็นวิธีอุดจุดบอดที่ดีมากๆ เลย 3.อ่านหนังสือหลายๆ เล่มเทียบกัน ไม่อ่านเล่มเดียว   ในคณะอักษร เราถูกสอนมาให้ตรวจสอบแหล่งข้อมูลและความถูกต้องของข้อมูลอยู่เสมอ ทำให้เด็กอักษรมักไม่เชื่ออะไรง่ายๆ และมักหาข้อมูลจากหลายๆ ที่ เวลาอ่านหนังสือก็มักจะอ่านหลายๆ เล่ม แม้จะเป็นเนื้อหาเดียวกันก็ตาม   แต่จริงๆ แล้วการอ่านหนังสือที่มีเนื้อหาเดียวกันหลายๆ เล่มยังมีประโยชน์มากกว่าการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลอีกนะ! เพราะการอ่านหนังสือหลายๆ เล่ม ทำให้เราวิเคราะห์เนื้อหาที่เรามีอยู่แล้วในหัวโดยอัตโนมัติว่า ตรงนี้ที่เราเคยอ่านมาแล้วสินะ ตรงนี้อธิบายคล้ายกับเล่มนั้นเลยนะ ทำให้เราจดจำสิ่งที่อ่านได้มากขึ้น เพราะไม่ได้แค่อ่านให้ผ่านๆ ไป เฉยๆ แต่ยังคิดตามเนื้อหาที่อ่านอยู่เสมอโดยอัตโนมัติด้วย   ยังไม่พอนะ การอ่านแบบนี้น้องๆ ยังจะได้ความรู้เพิ่มขึ้นด้วย เพราะหนังสือแต่ละเล่มก็จะมีจุดที่แตกต่างกัน หนังสือเล่มนั้นอาจจะเขียนข้อมูลบางส่วนละเอียดกว่าหนังสืออีกเล่ม หนังสืออีกเล่มอาจไม่มีข้อมูลที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ รับรองเลยว่าอ่านไปสัก 3-4 เล่ม จะต้องเก่งขึ้นอย่างแน่นอน 4.หาวิธีสนุกกับการเรียน   เวลาที่เราทำอะไรแล้วรู้สึกสนุก ไม่ฝืน เราก็จะทำสิ่งนั้นได้อย่างต่อเนื่อง ยาวนาน การเรียนก็เหมือนกัน น้องๆ ทุกคนควรหาวิธีเรียนที่ทำให้เรารู้สึกสนุกกับการเรียนให้ได้ แน่นอนว่ากับบางวิชาที่เราไม่ชอบ การหาวิธีสนุกกับมันก็อาจจะยาก แต่ถ้าน้องๆ หาเจอ ก็อาจจะเริ่มสนุกกับวิชาที่เราเคยเกลียดและอาจจะไปถึงขั้นชอบวิชานั้นขึ้นมาก็ได้นะ   วันนี้เราก็จะมาขอแนะนำวิธีที่เคยเห็นเพื่อนๆ ใช้กัน เปิดวิดิโอ study with me เรียนไปพร้อมๆ…
Read More
เรียนที่ญี่ปุ่นแพงจริงไหม?

เรียนที่ญี่ปุ่นแพงจริงไหม?

ข้อมูลเรียนต่อนอก, ชีวิตในญี่ปุ่น, ภาษาญี่ปุ่น, รีวิว, เรียนภาษาญี่ปุ่น
Nicole Warintarawet | March 27,2020 โดยสังเขป          การเรียนต่อระดับสูงขึ้นในต่างประเทศ ฟังดูเหมือนจะต้องแพงแน่ๆใช่ไหมคะ แต่มันต้องจ่ายแพงแบบนั้นจริงๆหรอ มาหาคำตอบกันในบทความนี้เลย! เรียนที่ญี่ปุ่นแพงจริงไหม?          การเรียนต่อต่างประเทศแพงก็จริง แต่ไม่เสมอไป! การใช้ชีวิตในต่างประเทศเพียงไม่กี่ปีนั้นเพียงพอที่จะทำให้เพื่อนๆได้รับประสบการณ์สุดล้ำค่าที่หาจากไหนไม่ได้เลยทีเดียว ถ้าพูดถึงข้อดี อย่างแรกที่นึกออกได้เลยก็คือ การออกจากคอมฟอร์ทโซนไปผจญภัยในต่างแดนใช่ไหมคะ แต่ปัญหาตามมาที่หลายๆคนกังวลก็คือ ‘จะจ่ายไหวได้ยังไงล่ะ?’ ถ้าเพื่อนๆกังวลใจกับปัญหานั้น ญี่ปุ่นเป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว นอกจากญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่สวยงาม การศึกษามีคุณภาพ และมีความปลอดภัยสูงเป็นอันดับต้นๆของโลกแล้ว ค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยยังถูกกว่าที่คิดอีกด้วย! ในฐานะที่เคยเป็นนักเรียนต่างชาติในญี่ปุ่นมาเกือบ 4 ปี จะมาแจกแจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้เพื่อนๆฟังกันค่ะ สรุปสั้นๆ (สำหรับคนไม่อยากอ่านยาว) เฉลี่ยรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อปี : •ค่าเทอม       •มหาวิทยาลัยเอกชน ประมาณ 1,000,000 เยน – 2,000,000 เยน ต่อปี       •มหาวิทยาลัยรัฐบาล 535,800 เยน ต่อปี •ค่าธรรมเนียมแรกเข้า(จ่ายครั้งเดียว)       •มหาวิทยาลัยเอกชน ประมาณ 200,000 – 1,000,000 เยน (ขึ้นอยู่กับคณะที่เรียน,หากเป็นคณะแพทยศาสตร์จะค่าใช้จ่ายสูง)       •มหาวิทยาลัยรัฐบาล 282,000 เยน(แห่งชาติ) – 393,618 เยน(ท้องถิ่น) •ค่าใช้จ่ายรายเดือน ประมาณ 72,000 เยน – 100,000 เยน ต่อเดือน (ขึ้นอยู่กับภูมิภาคที่อยู่)       •ค่าเช่า และ ค่าน้ำค่าไฟ 23,000 เยน – 43,000 เยน สำหรับค่าเช่า + 7,000 เยน สำหรับค่าน้ำค่าไฟ       •ค่าเดินทาง 5000 เยน       •ค่าใช่จ่ายอื่นๆ 16,000 เยน ฉบับเต็ม ค่าเทอม          อย่างแรกทีเราต้องพูดถึงคือ ค่าเทอม จริงๆแล้วค่าเทอมมีหลากหลายราคา ขึ้นอยู่กับว่าเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน หรือรัฐบาล อ้างอิงจาก JASSO มหาวิทยาลัยรัฐบาลค่าเทอมจะอยู่ที่ประมาณ 535,800 เยน ต่อปี ส่วนมหาวิทยาลัยเอกชนค่าเทอมจะสูงอยู่ที่ราวๆ 1-2 ล้านเยน เพื่อให้เพื่อนๆเห็นภาพมากขึ้น เราเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Sophia เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ค่าเทอมประมาณ 1.5 ล้านเยน ต่อปี และในปีแรกนักศึกษาใหม่จะต้องจ่ายค่าแรกเข้า ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 200,000 เยน ไปจนถึง 400,000 เยน ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยค่ะ อย่างมหาวิทยาลัยที่เราอยู่ ค่าเทอมในปีแรกสูงถึงประมาณ 1.7…
Read More
5 เหตุผลทำไมถึงควรไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น!?

5 เหตุผลทำไมถึงควรไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น!?

Uncategorized, ข้อมูลเรียนต่อนอก, ชีวิตในญี่ปุ่น, ภาษาญี่ปุ่น, เรียนภาษาญี่ปุ่น
เรามีตัวเลือกมากมายให้เลือกเมื่อต้องศึกษาต่อต่างประเทศ แต่ก็ยังเหนื่อยที่จะมานั่งคิดว่าจะเรียนที่ไหนดี ถ้ายังมีปัญหาในการเลือกสถานที่เรียนต่อต่างประเทศ มาอ่านบทความนี้เลยย ต่อไปนี้คือเหตุผล 5 ประการที่เราควรไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น 1) ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ปลอดภัยและมีมาตรฐานการครองชีพสูง เหตุผลแรกที่เราควรไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น ก็คือว่ายอมรับเถอะว่า มีสถานที่ไม่มากในโลกที่สามารถเอาชนะญี่ปุ่นได้ในแง่ของอัตราการเกิดอาชญากรรมที่ต่ำ ในฐานะนักเรียนการใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญมาก ยิ่งไปกว่านั้นการเดินทางรอบเมืองและสำรวจสถานที่ใหม่ ๆ อย่างรวดเร็วและราคาไม่แพงก็ทำได้ง่ายมาก ด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่กว้างขวางและมีประสิทธิภาพของญี่ปุ่น ต้องการวางแผนการพักผ่อนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ชายหาดเหรอ? – แค่จองโรงแรม กระโดดขึ้นรถไฟ ก็พร้อมเที่ยวเลย! อาหารในญี่ปุ่นก็อร่อยมากกกกกก ถ้าหิวตอนตีสองก็แค่แค่หยิบเบนโตะอร่อยๆ สักกล่องจากร้านสะดวกซื้อ! และถ้าคุณคิดว่าอาหารในร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่นเนี้ยอร่อยแล้ว แต่อาหารที่เสิร์ฟในร้านอาหารก็ยิ่งอร่อยกว่านั้นอีก! ลองโอสึมามิสิ (อาหารหลากหลายประเภทเสิร์ฟในจานเล็กๆ ที่บาร์อิซากายะสไตล์ญี่ปุ่น) 2) การศึกษาคุณภาพราคาไม่แรง พร้อมทุนการศึกษามากมาย เหตุผลต่อมาที่เราควรมาเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นก็เพราะว่าการศึกษาระดับวิทยาลัยในญี่ปุ่นมีราคาไม่แพงมากเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาหรือสหราชอาณาจักร มหาวิทยาลัยรัฐในญี่ปุ่นมักมีค่าใช้จ่ายถูกกว่า 600,000 เยนต่อปี ซึ่งคร่าวๆ ก็ประมาณ 162,250 บาท แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วมหาวิทยาลัยเอกชนจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 1,000,000 เยนต่อปี แต่ก็มีโอกาสในการมอบทุนการศึกษามากมายสำหรับนักศึกษาต่างชาติ นอกจากทุนการศึกษาที่มีชื่อเสียงจาก MEXT และ JASSO แล้ว ยังมีทุนการศึกษาอื่น ๆ อีกมากมายที่มอบให้โดยตรงจากมหาวิทยาลัยและองค์กรเอกชน ลองอ่านบทความนี้เพื่อรับทุนการศึกษาเต็มทุนสำหรับการศึกษาต่อต่างประเทศในญี่ปุ่นที่คุณอาจไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยนะ!? 3) โอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตในการเรียนรู้ภาษาใหม่ในสภาพแวดล้อมที่สนุกสนาน เหตุผลข้อที่สามที่เราควรเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นก็เพราะว่าการเรียนรู้ภาษาใหม่จะง่ายขึ้นถ้าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ที่พูดภาษาเป้าหมายที่จะเรียน เราเองก็ได้มีโอกาสได้สัมผัสกับจุดนี้โดยตรงด้วยการเรียนหลักสูตรระดับปริญญาตรีที่สอนด้วยภาษาอังกฤษในญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าเราจะพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลยเมื่อมาถึงที่นี่ครั้งแรก แต่ทักษะภาษาญี่ปุ่นก็พัฒนาขึ้นอย่างมากภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี ฉันผ่าน JLPT N2 ได้ภายในสามปี ต้องขอบคุณสภาพแวดล้อมที่รายล้อมด้วยผู้ใช้ภาษาญี่ปุ่นที่ช่วยอดทนต่อความผิดพลาดของฉันนะคะ! เราคงไม่สามารถบรรลุผลทั้งหมดนี้ได้หากตัดสินใจไปเรียนที่อื่น จากประสบการณ์ส่วนตัว แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นมากนักในชั้นเรียน (ยกเว้นหลักสูตรภาษาภาคบังคับ) แต่ก็ได้เรียนรู้มากขึ้นจากการสื่อสารในชีวิตประจำวันกับเพื่อนและผู้คน เราคิดว่าเราได้เรียนรู้ภาษาโดยไม่รู้ตัวเวลาฟังเสียงรอบข้างในที่สาธารณะ เช่น สถานีรถไฟ ร้านอาหาร หรือร้านกาแฟ 4) โอกาสทางอาชีพที่ดีหลังเรียนจบ ถัดมาที่เราควรเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นก็เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยโอกาส ด้วยอัตราการเกิดที่ลดลง รัฐบาลญี่ปุ่นจึงพยายามดึงดูดเยาวชนที่มีความสามารถจากทั่วโลก อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำอย่างน่าสนใจ และเมื่อเร็ว ๆ นี้ระเบียบการขอวีซ่าได้รับการแก้ไขเพื่อให้ชาวต่างชาติสามารถทำงานในประเทศญี่ปุ่นได้มากขึ้น มีกิจกรรมหางานมากมายสำหรับชาวต่างชาติโดยเฉพาะ! ถ้ากำลังมองหาอาชีพใหม่ในต่างประเทศ การเรียนที่ญี่ปุ่นถือเป็นก้าวแรกที่ยอดเยี่ยมเลยนะ 5) ความแน่นแฟ้นในสังคม ตรงกันข้ามกับที่หลายคนอาจคิดไปเองว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นมิตรกับชาวต่างชาติ จริง ๆ หากอยู่ในเมืองใหญ่ๆ เช่น โตเกียว นาโกย่า หรือโอซาก้า การหาการชุมนุมทางสังคมและกิจกรรมประเภทอื่นๆ ที่จัดโดยชุมชนชาวต่างชาติในพื้นที่นั้นมีเยอะมาก ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากคนญี่ปุ่นเริ่มให้ความสนใจในการเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้นเรื่อยๆ จึงมีการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมขึ้นเป็นประจำ และถ้าสนใจในวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม อย่าลืมดูตารางกิจกรรมประจำปีด้วยนะคะ การเข้าร่วมกิจกรรมในญี่ปุ่นจะช่วยให้ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมและทำความรู้จักกับผู้คนนอกวิทยาลัยได้มากขึ้น แล้วยังช่วยเพิ่มสีสันในชีวิตให้ด้วยนะคะ เพราะเราอาจเจอกลุ่มต่างๆ ที่เหมาะกับความสนใจของเราค่ะ! Credit by SchooLynk: https://schoolynk.com/media/articles/d710d0ec-944d-4d50-8bce-14612b6a7065
Read More
เรียนต่อญี่ปุ่น: 6 เคล็ดลับสำหรับการเตรียมตัว

เรียนต่อญี่ปุ่น: 6 เคล็ดลับสำหรับการเตรียมตัว

English, ข้อมูลเรียนต่อนอก, ชีวิตในญี่ปุ่น, อาหารและเครื่องดื่ม, เรียนภาษาญี่ปุ่น
เรียนต่อญี่ปุ่น: 6 เคล็ดลับสำหรับการเตรียมตัว โดย Tamaki Hoshi น้องๆ คือคนหนึ่งที่อยากไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นใช่ไหม! มาดู 6 เคล็ดลับจากนักเรียนต่างชาติที่ไปเรียนต่อ ณ มหาวิทยาลัยประเทศญี่ปุ่นกัน! เคล็ดลับจากนักศึกษาต่างชาติสำหรับการเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น สวัสดี เราชื่อทามากิ เป็นนักศึกษาต่างชาติที่อยู่ในกรุงโตเกียว   ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีทั้งความแปลกใหม่และความสะดวกสบายผสมผสานกันอย่างลงตัว ญี่ปุ่นจึงกลายเป็นจุดหมายยอดฮิตสำหรับนักศึกษาที่ต้องการไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ บางทีอาจเป็นเพราะขนมไทยากิ โอโคโนมิยากิ หรือเสื้อผ้าและเครื่องเขียนที่สุดแสนจะน่ารักคาวาอี้ ความสุภาพและบรรยากาศที่เป็นมิตรในสังคมญี่ปุ่นที่ดึงดูดนักเรียนต่างชาติเกือบ 300,000 คน ให้มาเรียนต่อที่นี่ ในฐานะที่เป็นนักเรียนต่างชาติซึ่งเรียนอยู่ณ มหาวิทยาลัยในโตเกียว ผู้เขียนขอรับรองได้เลยว่าทุกสิ่งที่คาดหวังไว้ด้านบนเป็นเรื่องจริงของญี่ปุ่นที่น่าประทับใจมาก   ทั้งอาหารและโอกาสต่างๆ ในญี่ปุ่นต่างไม่ทำให้ผิดหวัง แต่ผู้เขียนก็พบเคล็ดลับบางอย่างที่จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ จากการลองผิดลองถูก เป็นเคล็ดลับแบบที่ถ้ารู้มาก่อนก็คงจะดี    เพราะฉะนั้นเพื่อให้น้องๆ ผู้อ่านที่วางแผนจะมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ไม่ต้องมานั่งเสียเวลาแบบผู้เขียน เราก็จะขอแนะนำ 6 เคล็ดลับสำหรับการเตรียมตัวมาเรียนต่อญี่ปุ่นอย่างมีประสิทธิภาพกันเลย! 1.หาหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ   ตอนที่ผู้เขียนค้นหามหาวิทยาลัยที่จะมาเรียนต่อ สิ่งแรกที่ทำคือการหาหลักสูตรที่เปิดสอนเป็นภาษาอังกฤษเป็นหลักของแต่ละมหาวิทยาลัย เป็นวิธีที่ดีในการเริ่มต้น แต่ปัญหาก็คือการที่ผู้เขียนไม่ยอมหาข้อมูลให้ลึกลงไปกว่านี้    ผู้เขียนข้อแนะนำว่าไม่ควรเช็คแค่หลักสูตรทั่วไปหลักๆ ของคณะที่จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ แต่ควรจะเช็คประมวลรายวิชาของแต่ละวิชาที่สอนเป็นภาษาอังกฤษด้วย เพราะหลังจากที่ผู้เขียนเรียนมา 3 เทอมในมหาวิทยาลัย ผู้เขียนก็รู้ว่าเกือบครึ่งของวิชาเรียนที่ลงเรียนเป็นวิชาเรียนของภาควิชาอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือหลักสูตรของภาควิชาที่ผู้เขียนสังกัดอยู่   ผู้เขียนยังโชคดีเพราะมหาวิทยาลัยมีวิชาที่สอนเป็นภาษาอังกฤษหลายวิชา แล้วยังเป็นวิชาของภาควิชาที่ผู้เขียนสังกัดด้วย แต่ผู้เขียนก็เห็นว่ามีบางมหาวิทยาลัยมักจะเปิดวิชาที่สอนเป็นภาษาอังกฤษเพียงไม่กี่วิชาเท่านั้น ดังนั้นเพื่อให้มั่นใจว่าน้องๆ จะมีอิสระในการลงเรียนวิชาต่างๆ บ้างตอนที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแล้ว ก็ขอแนะนำมากๆ ให้น้องๆ หาข้อมูลจำนวนวิชาที่จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยน่าจะเปิดไว้ 2.ทำตัวให้คุ้นเคยกับภาษาญี่ปุ่น   ในฐานะนักศึกษาที่สมัครเรียนในหลักสูตรภาษาอังกฤษและอาศัยอยู่ในโตเกียว ผู้เขียนรับรองได้เลยว่าสกิลภาษาญี่ปุ่นไม่จำเป็นตอนเรียน เฮ้อ! รอดไป!   แต่ก็มีสถานการณ์นอกห้องเรียนที่ผู้เขียนถูกทดสอบสกิลภาษาญี่ปุ่นเหมือนกัน เช่นสถานการณ์ต่อไปนี้ - ถามทางอย่างเร็วๆ บนถนน -อ่านป้ายต่างๆ ในสถานนีรถไฟ -สั่งอาหารในร้านอาหาร -คุยกับเจ้าของห้องเช่า -คุยโทรศัพท์กับบริษัทที่ให้บริการสาธารนูปโภคอย่างน้ำประปา แก๊ส และไฟฟ้า -หาเพื่อนคนญี่ปุ่น   การเข้าใจภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ช่วยแค่ในสถานการณ์เหล่านี้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้เขียนเข้าร่วมกิจกรรมท้องถิ่นกับคนในชุมชน ผู้เขียนตัดสินใจมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่นเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แล้วการได้ภาษาก็ทำให้การค้นหา เข้าถึง และมีโอกาสทำสิ่งต่างๆ ที่นอกเหนือจากการเรียนนั้นง่ายมากขึ้น   เคล็ดลับง่ายๆ ข้อหนึ่งก็คงจะเป็นการจดจำเอกลักษณ์ของเมืองใหญ่เมืองเล็กที่น้องๆ ผู้อ่านจะไปบ่อยๆ วิธีนี้จะช่วยให้น้องๆ ได้เมื่อน้องๆ พยายามหาจุดที่ตัวเองอยู่ในแผนที่หรือป้ายสัญญาณรถไฟ   ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลยใช่ไหม? แต่ไม่เป็นไร! ลองไปอ่านบทความในนี้ดูนะ บทความเกี่ยวกับการเรียนภาษาญี่ปุ่น - SchooLynk|MEDIA 3.เตรียมเงินสกุลญี่ปุ่นไว้บ้าง   สกุลเงินเยน (JPY) เป็นสกุลเงินที่ใช้กันในประเทศญี่ปุ่น 100 เยน เท่ากับประมาณ 30 บาท (อัตราแลกเปลี่ยนจะผันผวนขึ้นลงแล้วแต่ช่วง) ร้านค้าใหญ่ๆ รับบัตรเครดิตก็จริง แต่ว่าร้านค้าทั่วไปหลายๆ ร้านกับขนส่งสาธารณะรับแต่เงินสดเท่านั้น เช่น รถบัสรับแค่เหรียญหรือ IC card ที่เติมเงินไว้ก่อนเท่านั้น ผู้เขียนเรียนรู้วิธีนี้ด้วยวิธีที่ยากลำบากทีเดียวเชียว…   การเอาเงินสดไปให้พอจะทำให้น้องๆ มั่นใจได้ว่าน้องๆ จะไม่ต้องเจอกับเรื่องน่าปวดหัวหรือพลาดโอกาสอะไร ซื้อกระเป๋าใส่เศษเหรียญไว้ก็เป็นไอเดียที่ดีเหมือนกัน เพราะญี่ปุ่นมีทั้งเหรียญ 1 เยน 10 เยน 50…
Read More
ตีแผ่เคล็ดลับเตรียมสอบ จากภาพยนตร์เรื่อง “Biri Gal”

ตีแผ่เคล็ดลับเตรียมสอบ จากภาพยนตร์เรื่อง “Biri Gal”

9วิชาสามัญ, English, GAT, GAT ENG, GAT/PAT, O-NET, PAT1, PAT2, TCAS, ภาพยนตร์, ภาษาญี่ปุ่น, สอบกลางภาค, สอบปลายภาค
ตีแผ่เคล็ดลับเตรียมสอบ จากภาพยนตร์เรื่อง “Biri Gal”           สวัสดีจ้า น้อง ๆ มีใครเคยดูภาพยนตร์ญี่ปุ่นชื่อดังเรื่อง「ビリギャル」หรือ “Biri Gal”  บ้างไหมคะ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่เป็นแรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยของผู้เขียนเลย ถ้าใครยังไม่รู้จัก เราไปดูเรื่องย่อกันดีกว่า ที่มา : http://birigal.jp/           เรื่องย่อ           ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเรื่องจริง โดยคุโด ซายากะ (รับบทโดย Arimura Kasumi) นางเอกของเรื่อง เป็นสาวแกล ที่โหล่ของห้องที่ถึงจะอยู่ชั้นม.5 แต่ความรู้เทียบได้กับแค่เด็กป.4 และก่อเรื่องไม่เว้นวันจนในโรงเรียนต่างเอือมระอา จนมาวันหนึ่งซายากะถูกพักการเรียน แม่ได้ชักชวนให้เธอไปสมัครเรียนที่โรงเรียนสอนพิเศษแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ซายากะได้พบกับอาจารย์ท์ซุโบตะ โนบุทากะ (รับบทโดย Ito Atsushi) อาจารย์สอนพิเศษที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของซายากะให้สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเคโอ (Keio University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของประเทศญี่ปุ่นได้ภายใน 1 ปี ที่มา : https://youtu.be/oyqqcgpWzsM           เป็นเรื่องราวการฝ่าฟันอุปสรรคของเด็กม.ปลายคนหนึ่งเพื่อเป้าหมายและความฝันของตัวเองที่น่าประทับใจมาก ๆ น้อง ๆ คนไหนที่สนใจก็ลองไปดูกันได้นะคะ และวันนี้เราจะเอาเคล็ดลับที่ซายากะใช้อ่านหนังสือเตรียมสอบมาตีแผ่ให้น้อง ๆ อ่านกันค่ะ รับรองว่าถ้าเอาวิธีอ่านหนังสือของซายากะไปปรับใช้แล้ว เริ่ดปังทุกคน!           1. กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน           ก่อนที่จะเริ่มต้นอ่านหนังสือหรือทำอะไร เราต้องกำหนดเป้าหมายของตัวเองให้ชัดเจนก่อน โดยจากเรื่องตอนแรกซายากะไม่รู้ถึงความสำคัญของการกำหนดเป้าหมาย แต่อาจารย์ท์ซุโบตะได้พูดออกมาว่า「でもさ、無理って思うことを成し遂げたら、自信になるだろ」ซึ่งแปลว่า “แต่ว่านะ การทำสิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้ลุล่วง ก็จะกลายเป็นความมั่นใจได้นะ” ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มต้นอ่านหนังสือ ไม่ต้องกลัวว่าเราจะมีเป้าหมายที่ใหญ่เกินไป เพราะถ้าเรามีความตั้งใจและความพยายามมากพอ ก็จะสามารถทำให้ความฝันที่ตอนแรกเรามองว่าเป็นไปไม่ได้ ให้มันเป็นจริงขึ้นมาได้ แล้วความสำเร็จนั้นก็จะทำให้เราเกิดความมั่นใจ ความภูมิใจในตัวเอง           ทั้งนี้แรงบันดาลใจหรือเหตุผลที่ทำให้เราตั้งเป้าหมายนั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องจริงจังก็ได้ เช่น ในตอนแรกที่ซายากะเข้าโรงเรียนม.ต้นของเธอ ส่วนหนึ่งก็เพราะชุดเครื่องแบบนักเรียนน่ารัก น่าใส่ และในตอนที่ซายากะเลือกสอบที่มหาวิทยาลัยเคโอ ก็เพราะที่มหาวิทยาลัยขึ้นชื่อเรื่องหนุ่มหน้าตาดี ดังนั้นเราอาจหาแรงบันดาลใจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อย เช่น อยากเรียนที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยนั้น เพราะอาคารสวย เพราะอาหารอร่อย เพราะอยากลองเข้าทำกิจกรรมนี้ ๆ หรือแค่เพราะอยากลองchallengeตัวเอง ก็เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นแล้ว           2. ไม่กลัวที่จะปูพื้นฐานใหม่           จากที่ได้เล่าให้ฟังในเรื่องย่อ ถึงซายากะจะเรียนอยู่ชั้นม.5 แล้ว แต่ความรู้ต่าง ๆ ยังอยู่ชั้นป.4 ทำให้ทำคะแนนpre-testของโรงเรียนกวดวิชาได้0คะแนน ถึงอย่างนั้นซายากะก็ไม่กลัวที่จะปูพื้นฐานของตัวเองใหม่หมดเลยโดยการนั่งอ่านหนังสือและทำแบบฝึกหัดสำหรับนักเรียนชั้นประถม ทำให้ต่อมาซายากะคะแนนดีขึ้นเรื่อย ๆ           การปูพื้นฐานก็เหมือนกับการกำจัดจุดอ่อนของเรา โดยน้อง ๆ อาจลองทำข้อสอบประเมินทุกวิชาก่อนว่าตัวเองมีจุดอ่อนวิชาไหน หรือหัวข้อไหน แล้วเมื่อเรารู้จุดที่อ่อนแล้ว ก็ไปอ่านทำความเข้าใจหลักพื้นฐานของวิชานั้น ๆ หรือประเด็นนั้น ๆ จากนั้นเมื่อพื้นฐานเราแน่นมากพอแล้ว เราก็สามารถไปตะลุยโจทย์ที่มีระดับความยากขึ้นไปอีกได้           อาจารย์สมัยม.ปลายของผู้เขียน (โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา) เคยพูดเอาไว้ว่า การเรียนก็เหมือนการก่อปราสาททราย…
Read More
เรียนต่อที่ญี่ปุ่น: 5เคล็ดลับการบริหารเงินสำหรับไปเรียนต่อ

เรียนต่อที่ญี่ปุ่น: 5เคล็ดลับการบริหารเงินสำหรับไปเรียนต่อ

ข้อมูลเรียนต่อนอก, ชีวิตในญี่ปุ่น, ภาษาญี่ปุ่น, รีวิว, เรียนภาษาญี่ปุ่น
เรียนต่อที่ญี่ปุ่น: 5 เคล็ดลับการบริหารเงินสำหรับไปเรียนต่อ โดย Nicole Warintarawet ถ้าน้อง ๆ ยังไม่แน่ใจว่าฐานะการเงินทางบ้านพอจะส่งน้อง ๆ ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นได้รึเปล่า มาลองอ่านบทความเพื่อค้นหาคำตอบกันเลย! ในปัจจุบัน มีนักเรียน นักศึกษาที่อยากไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าภาระทางการเงินถือว่าเป็นอุปสรรคที่ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว ซึ่งสินเชื่อเพื่อการศึกษาของญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเปิดรับแค่นักเรียน นักศึกษาในประเทศ (ซึ่งก็คือคนญี่ปุ่น) ไม่ค่อยมีที่เปิดรับให้นักเรียนชาวต่างชาติอย่างเรา ๆ ทำให้ถ้าที่บ้านของน้อง ๆ ไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะซัพพอร์ทได้ ก็อาจไปเรียนต่อได้ค่อนข้างยาก เว้นแต่จะได้ทุนการศึกษาแบบเต็มจำนวนที่จะครอบคลุมตั้งแต่ค่าเล่าเรียนไปจนถึงค่าครองชีพสำหรับนักเรียน นักศึกษาชาวต่างชาติ อย่างทุนมง (ทุนMonbukagakushou หรือทุนรัฐบาลญี่ปุ่น) อย่างไรก็ตามถึงน้อง ๆ จะไม่ได้ทุนมง ก็อย่าเพิ่งถอดใจไป เพราะยังมีทุนการศึกษาอีกมากมายที่จะออกค่าเล่าเรียนให้เรา100% และบางทุนยังให้เงินช่วยเหลือสำหรับค่าครองชีพในแต่ละเดือนอีกด้วย ดังนั้นน้อง ๆ จะสามารถอยู่ญี่ปุ่นได้แบบชิว ๆ โดยไม่ต้องทำงานพิเศษเพื่อหางานเพิ่ม ซึ่งทุนดี ๆ เหล่านี้สามารถหาข้อมูลได้จากลิงก์บทความนี้เลยยยย ! ตอนนี้น้อง ๆ บางคนอาจสงสัยว่าแล้วถ้าทุนที่เราได้เป็นทุนไม่เต็มจำนวน เป็นแค่ทุนที่ออกค่าเล่าเรียนให้บางส่วนแล้วมันจะโอเคไหม? บทความนี้เราจะมาตอบข้อสงสัยนั้น และเอาเคล็ดลับ ทริคดี ๆ ที่จะช่วยให้การเงินของเราในช่วงที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยรอดไปได้ด้วยดี 1. ประเมินค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้ในการไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นตามความเป็นจริง อ้างอิงจากข้อมูลขององค์การสนับสนุนนักศึกษาแห่งประเทศญี่ปุ่น (JASSO) ค่าครองชีพที่ญี่ปุ่น (รวมค่าเช่าที่พัก) จะอยู่ที่เดือนละ 89,000 เยน (ประมาณ 26,488 บาท ตามอัตราการแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 26 สิงหาคม 64) ทั้งนี้ค่าครองชีพนั้นจะแตกต่างไปตามแต่ละจังหวัด แต่ละภูมิภาค เช่น ค่าครองชีพที่กรุงโตเกียว (ที่จะใช้ชีวิตได้อย่างสบาย ๆ )จะอยู่ที่เดือนละ 100,000 เยน (ประมาณ 29,762 บาท ตามอัตราการแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 26 สิงหาคม 64) โดยจากประสบการณ์ของเราแล้ว ถ้าเราทำอาหารกินเองก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตามเราแนะนำให้ประเมินงบไว้เผื่อ ๆ หน่อย เพราะถ้าตึงจนเกินไปก็อาจทำให้เกิดความเครียดได้ถ้าอยู่ในระยะยาว ส่วนตัวเราแนะนำให้เผื่องบไว้ 100,000 เยน (ประมาณ 29,762 บาท ตามอัตราการแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 26 สิงหาคม 64) ต่อเดือนเป็นอย่างต่ำ ถ้าน้อง ๆ ได้ทุนการศึกษาที่สามารถลดหย่อนค่าเทอมได้แค่บางส่วน ก็ต้องเอาค่าเทอมที่เหลือมาคำนวณเพิ่มด้วย โดยค่าธรรมเนียมแรกเข้ามหาวิทยาลัยจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 - 400,000 เยน (ประมาณ 59,523 – 119,047 บาทตามอัตราการแลกเปลี่ยน ณ วันที่26 สิงหาคม 64) ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัย และค่าเล่าเรียนต่อปีจะอยู่มีตั้งแต่ 535,800…
Read More
3 ขนม-เครื่องดื่มยอดฮิต ขวัญใจเด็กเตรียมสอบ

3 ขนม-เครื่องดื่มยอดฮิต ขวัญใจเด็กเตรียมสอบ

Uncategorized, แบบสอบถาม ออนไลน์
สวัสดีค่ะทุกคนหลังจากที่เราได้เรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ กันไปมากมายในบทความที่แล้วนะคะในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่าในเด็ก ๆ ระดับชั้นมัธยมต้นและมัธยมปลายรวมไปถึงระดับชั้นมหาลัยทั้งหมด 466 คนที่ทำการตอบแบบสอบถามออนไลน์กับทางแอพพลิเคชั่นเคลียร์มาตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2564 จะมีขนมและเครื่องดื่มแบบไหนบ้างที่เป็นเพื่อนคู่ซี้ยามอ่านหนังสือถ้าพร้อมแล้วเราไปดูกันเลยค่ะ ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนเลยนะคะว่าน้อง ๆ 466 คนนี้ ปกติแล้วทานของว่างเวลาอ่านหนังสือกันบ่อยแค่ไหน โดยเราจะสามารถเห็นได้จากกราฟนี้นะคะว่านักเรียนส่วนมากเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์เลย จะทานขนมและอาหารว่างเป็นบางครั้งระหว่างการอ่านหนังสือ รองจากนั้นก็จะเป็นกลุ่มนักเรียนที่ทานบ่อยแต่ไม่ได้ทานทุกครั้งระหว่างอ่านหนังสือ และจากนั้นก็จะเป็นกลุ่มนักเรียนที่ไม่ค่อยทานและทานทุกครั้งตามลำดับค่ะ ถ้าดูเผิน ๆ แล้วจะเห็นว่านักเรียนที่มักจะทานขนมระหว่างการอ่านหนังสือนั้นก็จะมีเปอร์เซ็นต์ที่ค่อนข้างมากเลยนะคะโดยเหตุผลส่วนมากที่น้อง ๆ เลือกจะรับประทานขนมและอาหารว่างส่วนมากก็คือเหตุผลที่น้อง ๆ มักจะรู้สึกหิวระหว่างการอ่านหนังสือ ส่วนเหตุผลลำดับถัดมาคือเหตุผลที่ว่าน้อง ๆ ต้องการพักระหว่างการอ่านหนังสือจึงหาอะไรทำเพื่อเป็นการพัก และเหตุผลลำดับที่สามก็คือเมื่อน้อง ๆรู้สึกเครียดหรือหมดหงิดน้องๆก็จะรู้สึกว่าต้องการคบเคี้ยวอะไรบางอย่างเพื่อระบายความเครียดนั้นด้วย แต่ก็ยังมีนักเรียนบางส่วนที่ให้เหตุผลว่าพวกเขามักที่จะรับประทานอาหารว่างเมื่อรู้สึกง่วงและรู้สึกว่าไม่มีสมาธิกับการอ่านหนังสือด้วยค่ะ เมื่อเรารู้แล้วว่า น้องๆในแอปของเราทานขนมกันค่อนข้างที่จะบ่อยในระหว่างการอ่านหนังสือแล้วเราไปดูกันต่อเลยว่าขนมที่ทุกคนมักจะเลือกรับประทานบ่อยๆ ขณะอ่านหนังสือนั้น ได้แก่อะไรบ้าง โดยกลุ่มขนมยอดฮิตอันดับ 1 ที่น้องๆนักเรียนมักจะรับประทานระหว่างการอ่านหนังสือก็คือขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ รองไปจากนั้นก็จะเป็นขนมกลุ่มประเภทช็อกโกแลตและขนมพวกคุกกี้บิสกิต รวมไปถึงลูกอมตามลำดับค่ะ แต่ถ้ามาดูกันในส่วนของอาหารว่างแล้วเราจะเห็นว่าอาหารว่างอันดับ 1 ที่น้อง ๆ มักจะรับประทานระหว่างการอ่านหนังสือก็คือขนมประเภทขนมปังและแซนวิช และนอกจากนี้เองน้อง ๆ ยังนิยมรับประทานขนมอาหารว่างประเภทซีเรียลและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันเป็นจำนวนมากนะคะ และตอนนี้ก็ถึงช่วงเวลาที่หลายๆคนรอคอยนะคะหลังจากนี้ก็จะเป็นการเรียงลำดับ 3 อันดับขนมที่เพื่อน ๆ มักจะเลือกทานระหว่างการอ่านหนังสือนั่นเองค่ะเราไปดูที่อันดับแรกกันเลยนะคะ  อันดับที่ 1 เลย์ อันดับแรกสุดเลยก็จะเป็นในส่วนของขนมขบเคี้ยวซึ่งก็คือเลย์ นั่นเองค่ะ ทั้งนี้ก็เพราะน้องๆส่วนมากให้เหตุผลว่าในนั้นมีความอร่อยเคี้ยวเพลิน และความกรอบนั้นเองทำให้รู้สึกหายง่วงระหว่าง การอ่านหนังสืออีกด้วยค่ะ นอกจากนี้เองเลยยังมีรสชาติให้เลือกหลากหลายรสชาติมาก ๆ ทำให้เมื่อต้องกินบ่อย ๆ แล้วก็ไม่เบื่อเพราะว่าเราสามารถเปลี่ยนรสชาติไปตามอารมณ์ของเราได้ ส่วนรสชาติที่เพื่อน ๆ ให้คำแนะนำก็คือรสชาติที่มีลักษณะจัดจ้านหน่อย ๆเพราะว่าจะทำให้ร่างกายมีความกระฉับกระเฉงมากขึ้นค่ะ หากสนใจชิมสามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้จาก ที่นี่ อันดับที่ 2 เลย์ ลำดับที่สองก็คือโกโก้ครั้นช์ทั้งนี้ก็เพราะว่าน้อง ๆ เห็นว่าโกโก้ครั้นช์เนี่ยเป็นขนมที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลตซึ่งช็อกโกแลตเนี่ยน้อง ๆ ให้เหตุผลว่าเป็นขนมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้วช่วยลดความเครียดได้อีกด้วยนอกจากนี้ลักษณะของโกโก้ครั้นนั้นยังทานง่ายอร่อยและยังทำให้เพลิดเพลินเวลาอ่านหนังสืออีกด้วยและยังมีข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือถ้าเกิดว่าเราหรือรับประทานโกโก้ครั้นระหว่างการอ่านหนังสือก็จะทำให้มือไม่เลอะอีกด้วย หากสนใจชิมสามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้จาก ที่นี่ อันดับที่ 3 Haribo และขนมอันดับที่ 3 ที่เป็นที่ยอดฮิตของ น้องๆเตรียมสอบก็คือเยลลี่ Haribo รูปหมีนั่นเองค่ะ โดยน้องๆให้เหตุผลว่าเยลลี่ตัวนี้มีรสหวานของผลไม้ที่จะรับประทานตอนไหนก็ได้และยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย ทำให้แก้เครียดและบางคนก็ยังเคี้ยวเจ้าหมีนี้เพื่อกันง่วงอีกด้วย เรียกได้ว่าเคี้ยวเพลินจนลืมความง่วงไปเลย หากสนใจชิมสามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้จาก ที่นี่ ที่นี้เรามาดูกันในฝั่งของเครื่องดื่มยอดฮิตที่ เพื่อน ๆ มักจะเลือกดื่มกันระหว่างการอ่านหนังสือกันดีกว่าค่ะ จากกราฟนะคะเราจะเห็นว่าเครื่องดื่มที่เพื่อนๆมักจะดื่มบ่อยๆขณะอ่านหนังสือก็คือเครื่องดื่มประเภทน้ำเปล่าและน้ำแร่ค่ะ อันนี้ก็จะไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่นะคะเพราะว่าหลาย ๆ คนให้ความเห็นตรงกันเขาว่าน้ำเปล่าและน้ำแร่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและเมื่อดื่มแล้วยังทำให้รู้สึกสดชื่นคลายง่วงได้ระดับหนึ่งค่ะและที่สำคัญเป็นเครื่องดื่มที่สามารถหาดื่มได้ง่ายที่สุด จึงได้รับความนิยมที่สุดระหว่างการอ่านหนังสือนั่นเอง นอกจากนี้แล้ว เครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอันดับ 2 ก็คือเครื่องดื่มประเภทนมนั่นเองค่ะ เพราะเครื่องดื่มประเภทนม ให้ประโยชน์มากมายแก่ร่างกายค่ะและนอกจากนั้นเองถ้านำนมไปแช่เย็น ๆ ก็ยังทำให้รู้สึกสดชื่นได้ไม่แพ้น้ำเปล่าหรือน้ำแร่เลยนั่นเอง และ ลำดับที่ 3 ก็คือนมเปรี้ยว ต่าง ๆ…
Read More
บอกเล่าชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัยในโตเกียว

บอกเล่าชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัยในโตเกียว

Uncategorized, ข้อมูลเรียนต่อนอก, ชีวิตในญี่ปุ่น, ภาษาญี่ปุ่น, รีวิว, เรียนภาษาญี่ปุ่น
ชีวิตในญี่ปุ่น โดย Nina Patrick | 28 กุมภาพันธ์ 2019 https://www.vecteezy.com/free-vector/vector โดยสังเขป          ชีวิตในเมืองแสนคึกคักอย่างโตเกียวนั้นราวกับอยู่ท่ามกลางพายุแห่งแสงสีเสียงเลยทีเดียว แต่สมัยที่เราเป็นนักศึกษาที่ญี่ปุ่น เราก็ยังเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่ได้เร่งรีบตามวิถีชีวิตคนเมือง          ปัจจุบันโอกาสทางการศึกษาสำหรับผู้ที่อยากไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นนั้นเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เคย การก้าวเข้าไปเรียนในสภาพแวดล้อมใหม่ๆนั้นไม่ใช่เป้าหมายที่ยากเกินตัวอีกต่อไป! เพื่อนๆคงจินตนาการถึงความน่าตื่นตาตื่นใจของประเทศญี่ปุ่นได้ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ ทั้งเมืองต่างๆ, อาหารเลิศรส, เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และยังเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่กำลังเฟื่องฟูอีกด้วย ไม่ว่าผู้คนจากแดนใกล้ไกลก็ต้องเป็นอันหลงใหลในสิ่งเหล่านี้กันถ้วนหน้า หลายคนก็คงเคยแพ็คกระเป๋าไปสำรวจแดนญี่ปุ่นกันบ้างแล้ว แต่.. แต่ๆ นั่นเป็นเพียงการท่องเที่ยวเท่านั้น ซึ่งต่างจากชีวิตนักศึกษาที่ต้องอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่น ตอนที่เราเรียนอยู่ที่โตเกียว เราก็ยังใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ตัวเองที่ชอบความชิลๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงต้องทำกิจวัตรตามแบบฉบับนักศึกษาด้วย การเดินทาง การเดินทางด้วยรถไฟของคนญี่ปุ่น https://newswitch.jp/p/9581          ปกติเวลาจะไปไหนมาไหนเราจะนั่งรถไฟค่ะ ซึ่งสะดวกกว่าขับรถเองเยอะเลย เพราะไม่ต้องกังวลทั้งเรื่องที่จอด หรือเติมน้ำมัน ต่างๆนาๆ และเนื่องจากเรามีบัตรเดินทางสำหรับนักเรียน เลยได้ส่วนลดสำหรับการเดินทางมาเยอะเลย นักเรียนที่ญี่ปุ่นจะเดินทางไปโรงเรียนโดยใช้รถไฟเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะใช้บัตรสำหรับใช้บริการขนส่งสาธารณะในประเทศญี่ปุ่น หรือ teiki เป็นบัตรพิเศษ สามารถเลือกสมัครเป็นรายเดือน สามเดือน หรือหกเดือนได้ โดยเราสามารถนั่งจากสถานีที่เราอยู่ไปยังสถานีที่เรียนได้ในราคาถูกกว่า และสามารถลงสถานีระหว่างทางได้โดยไม่เสียเงินเพิ่ม และเราจะใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งภายในระยะเวลาที่เราสมัครไว้ หรือก็คือยิ่งใช้เยอะยิ่งคุ้มนั่นเอง ซึ่งช่วยประหยัดค่าเดินทางเป็นอย่างมาก          แต่การเดินทางด้วยรถไฟก็มีข้อเสียเช่นกัน การที่ต้องติดอยู่ในฝูงชนในชั่วโมงเร่งด่วนเป็นอะไรที่ทรหดเหลือเกิน TT เป็นเหตุการณ์ที่อึดอัดเกินบรรยายแบบไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตเลยค่ะ ซึ่งเราก็พยายามหลีกเลี่ยงทุกวิถีทาง ทั้งพยายามไปก่อนบ้าง หรือรอคนออกไปกันก่อนบ้าง  โดยปกติก็ไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่ แต่บางทีด้วยเวลาก็ทำให้เราเลี่ยงไม่ได้ และก็ต้องไปอัดกันเป็นปลากระป๋องในรถไฟตามระเบียบ.. แต่เราก็ยอมรับว่ามันก็เป็นประสบการณ์ส่วนหนึ่งในโตเกียวและก็ไม่ได้แย่ไปหมด อย่างเช่น ตอนได้ออกมาจากรถไฟที่แออัดเป็นปลากระป๋องแล้วสูดอากาศบริสุทธิ์ได้นี่คือสวรรค์ชัดๆ ! รถไฟที่แออัดในชั่วโมงเร่งด่วน https://www.bleapear.com/entry/crowded-train-stress การเข้าสังคม          การไปเที่ยวกับเพื่อนๆในเมือง นี่คือที่สุดเลยค่ะ สนุกมากก มีที่ให้เที่ยวไม่หวาดไม่ไหว โตเกียวคือที่ที่มีทุกอย่างเลย จะแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร คือเจอได้ทุกที่ ไม่ว่าจะบนตึกสูงๆ ใต้ดิน ตามถนน ตรอกซอกซอย คือมีให้เห็นทุกที่ ปกติเราจะชอบสุ่มไปลงสถานี แล้วเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยๆ ระหว่างทางพอเจอร้านน่านั่ง ก็จะเข้าไปนั่งดื่ม นั่งคุยกับเพื่อนชิลๆค่ะ เรากับเพื่อนเป็นสายชิล ก็เลยมักจะไปร้านอิซากายะ หรือ ร้านกินดื่มสไตล์ญี่ปุ่นนั่นเองค่ะ อาหารและเครื่องดื่มในร้านราคาไม่ค่อยแพง แต่คุณภาพดีเลยทีเดียว และด้วยบรรยากาศสบายๆของร้านอิซากายะ นั่งคุยกับเพื่อนคือเพลินมากก บรรยากาศร้านอิซากายะ https://r.gnavi.co.jp/k678708/equipment/seat/ แล้วก็อีกอย่างที่เรากับเพื่อนชอบกัน คือ  ฮุคคา หรือคนญี่ปุ่นเรียกว่า ชิชา (ยาสูบชนิดหนึ่ง) ที่ญี่ปุ่นมีฮุคคาเลาจ์ถูกๆเยอะมาก ฮุคคาเลาจ์ส่วนใหญ่จะมีบรรยากาศร้านและสถาปัตยกรรมที่เหย้ายวน ชวนหลงใหล การได้มาเอนหลังบนโซฟา ฟังเพลงไปพลาง จิบเครื่องดื่มไปพลาง ทำให้ผ่อนคลายจนลืมความวุ่นวายของเมืองใหญ่ที่เพิ่งผ่านมาเลยทีเดียว ผู้คนมาผ่อนคลายในฮุคคาเลาจ์ http://kemulog.com/report/1338/          ชีวิตความเป็นอยู่ที่ญี่ปุ่นต่างจากที่เราเคยชินในบ้านเกิดมาก แต่ปกติแล้วเราก็จะใช้เวลาเรียน ทำงาน เข้าสังคม กินนอน เหมือนกับนักศึกษาคนอื่นๆทั่วไป พอเวลาผ่านไปก็ปรับตัวได้และคุ้นชินกับวัฒนธรรม,ค่านิยมต่างๆของญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อย สำหรับใครที่อยากลองมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น รับประกันเลยว่าเพื่อนๆจะได้รับประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้จากประเทศญี่ปุ่นอย่างแน่นอน บทความนี้เขียนโดย Nina Patrick นีน่า แพทริค เกิดที่จังหวัดนารา,ประเทศญี่ปุ่น และใช้ชีวิตเติบโตที่สหรัฐอเมริกา หลังจากจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย…
Read More
กว่าจะเป็น “นิสชิน” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ้าแรกของโลก

กว่าจะเป็น “นิสชิน” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ้าแรกของโลก

รีวิว, อาหารและเครื่องดื่ม
สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคนน้า กลับมาพบกับแอดมิน S อีกแล้ว จากบทความก่อนหน้านี้ของแอด กว่าจะเป็นนิสิตอักษร แชร์ทุกกระบวนท่าเคล็ดลับสู่คณะที่ใฝ่ฝัน (แปะลิงก์สักหน่อยเผื่อมีเพื่อน ๆ สนใจ ☺) วันนี้แอดจะมาแบ่งปันเรื่องราวความน่าสนใจของ "นิสชิน" บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ้าแรกของโลก ผ่านรีวิวจากกิจกรรม "Nissin Ambassador" ที่กำลังจัดบนแอป Clear ในตอนนี้ เรื่องราวของ "นิสชิน" จะน่าสนใจขนาดไหน ถ้าพร้อมแล้วไปรับชมพร้อมกันเลย! (more…)
Read More
ประสบการณ์ที่ประทับใจในฤดูร้อนญี่ปุ่น

ประสบการณ์ที่ประทับใจในฤดูร้อนญี่ปุ่น

ข้อมูลเรียนต่อนอก, ภาษาญี่ปุ่น, เรียนภาษาญี่ปุ่น
ประสบการณ์ที่ประทับใจในฤดูร้อน ญี่ปุ่น โดย Roxane          คำเกริ่น           แม้ฤดูร้อนจะเป็นฤดูที่แดดร้อนระอุและมักมีแมลงออกมาคลานยั้วเยี้ย แต่ก็เป็นฤดูที่มีกิจกรรมสนุกสุดเหวี่ยงให้ทำมากมาย ถ้าน้อง ๆ คุณผู้อ่านได้ออกไปตะลุยเที่ยววันหยุดฤดูร้อนให้คุ้มเหมือนตอนที่ตะลุยทำแบบฝึกหัดในชั้นเรียนล่ะก็ เราเชื่อว่าน้อง ๆ จะได้ประสบการณ์ที่น่าจดจำอีกประสบการณ์หนึ่งในการมาเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างแน่นอน          ถ้าน้องคนไหนเคยมีประสบการณ์อยู่ที่เกาะฮนชู ประเทศญี่ปุ่นสักระยะ ก็คงจะรู้ว่าพอถึงฤดูร้อน ถึงคนญี่ปุ่นจะชอบบ่นร้อนอย่างนู้นอย่างนี้ แต่ทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตารอที่จะออกไปเที่ยวเล่นฉลองวันหยุดฤดูร้อนกันอย่างใจจดใจจ่อ แม้ตอนนี้ฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่นจะจบลงไปแล้ว แต่เรามาดูความทรงจำดี ๆ ในฤดูร้อนกันดีกว่า จะได้เอาไว้ใช้เตรียมตัวเพื่อให้ฤดูร้อนปีหน้าสนุกมากขึ้น (แกล้ง ๆ หลับหูหลับตา ไม่คิดถึงข้อเสียของฤดูร้อน เช่น อากาศที่ร้อนระอุเหมือนอยู่ในห้องซาวน่า หรือแมลงตัวใหญ่ยักษ์ที่ชอบออกมาคลานไปมาตามพื้น) ภาพหนึ่งในตัวอย่างของแมลงยักษ์ที่น่ากลัวมากกก เราเห็นแล้วช็อกไปเลย555 (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)           ตอนนี้น้อง ๆ ผู้อ่านยังเป็นนักเรียนกันอยู่ แน่นอนว่าน้อง ๆ ก็ยังมีโอกาสที่จะตะลุยเที่ยวผจญภัยไปทั่วประเทศญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่ ฤดูร้อนในประเทศญี่ปุ่นมีกิจกรรมที่อาจจะทำไม่ได้ถ้าเป็นฤดูอื่น ๆ เช่น ปีนเขา ตั้งแคมป์บนภูเขา หรือตะลุยกินอาหาร (ซึ่งจะราคาถูกกว่าฤดูอื่น ๆ และหาซื้อง่ายกว่าด้วย!) ถ้าน้อง ๆ เตรียมตัวไปดี ๆ และทำใจกับสภาพอากาศที่แปรปรวน แมลง หรือทัวร์นักท่องเที่ยวล้านแปดได้ รับรองว่าน้องจะได้รับประสบการณ์อันล้ำค่าในฤดูร้อนญี่ปุ่นกลับมาอย่างแน่นอน           ต่อไปนี้จะเป็นประสบการณ์ที่เราประทับใจในช่วงฤดูร้อนประเทศญี่ปุ่น:          สารพัดงานเทศกาลที่จัดขึ้นมากมายละลานตา           ในฤดูร้อนที่ประเทศญี่ปุ่น ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีงานเทศกาลให้ไปเที่ยวเล่นตอนวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะงานเทศกาลทุกประเภทที่เราจะนึกออก ตั้งแต่งานเทศกาลแบบดั้งเดิมหรือที่เรียกกันว่า夏祭り (Natsu Matsuri) ไปจนถึงงานเทศกาลเพลง ยันงานเทศกาลศิลปะ จะจัดขึ้นในช่วงนี้ เทศกาลคาชิวะ 2016 ถนนมักจะปิดให้คนเดินและเปิดร้านแผงลอย (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)           งานเทศกาลฤดูร้อนแบบดั้งเดิมจะจัดขึ้นในบางเมืองหรือบางเขต เช่น เทศกาลคาชิวะ หรือเทศกาลดอกไม้ไฟแม่น้ำซุมิดะ ซึ่งงานเทศกาลเหล่านี้มักจะมีร้านแผงลอยออกมาขายขนมและอาหารหลากหลายชนิด เช่น ทาโกะยากิ ยากิโซบะ นอกจากนี้ยังมีเกมให้น้อง ๆ เล่นเพื่อชิงรางวัลอีกด้วย ไฮไลท์ที่สำคัญของงานเทศกาลนี้ก็คือการแสดงโชว์ดอกไม้ไฟ เช่น โชว์ดอกไม้ไฟที่แม่น้ำซุมิดะที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียว ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังจนคนเดินทางจากต่างจังหวัดเข้ามาชม           งานเทศกาลอีกประเภทหนึ่งที่พลาดไม่ได้คืองานเทศกาลเพลงที่มักจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อน โดยงานเทศกาลเพลงใหญ่ ๆ เช่น งานเทศกาลFuji Rock เทศกาลSummer Sonic มักจะมีศิลปินชื่อดัง เช่น Kendrick Lamer Bob Dylan ฯลฯ มาแสดง แม้เราจะไม่ค่อยรู้เรื่องวงการเพลงมากเท่าไร แต่ก็แนะนำว่าให้ลองไปดูสักงาน ถึงน้องจะไม่อินดนตรี แต่ก็คุ้มที่จะไปลองหาประสบการณ์ในงานเทศกาลเพลงของญี่ปุ่น Anderson Paak ในงานเทศกาล Fuji Rock 2018 (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)           จากที่เราได้ไปงานเทศกาล Fuji Rock 2018 งานนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดในระยะเวลาที่เราอยู่ประเทศญี่ปุ่น แบบที่คิดว่าคงไม่มีวงไหนอีกแล้วที่จะทำให้น้อง ๆ เต้นได้มันสุดเหวี่ยงเท่าวง CHVCGES และวง…
Read More