เคล็ดลับการหาหนังสือภาษาอังกฤษที่เหมาะกับตัวเองภายใน 5 นาที

เคล็ดลับการหาหนังสือภาษาอังกฤษที่เหมาะกับตัวเองภายใน 5 นาที

9วิชาสามัญ, English, GAT ENG, GAT/PAT, O-NET, TCAS, ภาษาอังกฤษ, หนังสือ
        เคล็ดลับการหาหนังสือภาษาอังกฤษที่เหมาะกับตัวเอง ภายใน 5 นาที          สวัสดีค่า ช่วงนี้คลายล็อกดาวน์แล้ว แต่ผู้เขียนยังอยู่บ้าน Work From Home อยู่ นอกเวลางานก็ไถโซเชียลดูเพลิน ๆ แต่บางครั้งก็รู้สึกเบื่อโลกโซเชียล เลยถือโอกาสนี้มาฝึกสกิลภาษาอังกฤษด้วยการหานิยายภาษาอังกฤษอ่าน           แต่ปัญหาก็คือเราหาหนังสือที่เหมาะกับระดับความรู้ภาษาอังกฤษเราไม่ได้สักที บางเล่มก็รู้สึกว่าง่ายไปไม่ค่อยได้ฝึกคำศัพท์ใหม่ ๆ บางเล่มก็ยากเกินเหมือนภาษาต่างดาว5555 จนเร็ว ๆ นี้เราบังเอิญได้ไปเจอคนที่พูดถึงเรื่องนี้ในyoutube https://www.youtube.com/watch?v=RVJLw-H0vE0 ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=RVJLw-H0vE0           จากในคลิป คุณUSAiko พูดถึงเรื่องหลัก Five Finger Rule ซึ่งเป็นหลักง่าย ๆ ที่จะช่วยให้เราสามารถหาหนังสือภาษาต่างประเทศที่เหมาะกับระดับของเราได้           Five Finger Rule           วิธีทำก็ง่าย ๆ เลยคือก่อนที่จะซื้อหนังสือ ให้น้อง ๆ สุ่มเปิดมาหนึ่งหน้า จากนั้นก็ลองกวาดสายตาอ่านดู และเมื่อเจอคำศัพท์ที่เราไม่รู้ก็ให้ชูนิ้วขึ้นมา โดยจำนวนนิ้วที่เราชูขึ้นมาจะบ่งบอกว่าระดับภาษาในหนังสือเล่มนั้นเหมาะสมกับเราหรือเปล่า           0-1 นิ้ว : ระดับภาษาในหนังสือง่ายเกินไป           2 นิ้ว : ระดับภาษาที่เหมาะสมกับน้อง ๆ ที่สุด (คำศัพท์ไม่ยาก ไม่ง่ายเกินไป และน้อง ๆ ยังสามารถเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ได้แบบไม่กดดัน)           3 นิ้ว : ระดับภาษาอาจจะยากขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง เหมาะกับคนที่ต้องการท้าทาย อยากเรียนรู้คำศัพท์ใหม่เยอะ ๆ           4 นิ้ว : ระดับภาษาอาจจะยากขึ้นมาอีกระดับ ไม่ค่อยแนะนำเพราะอ่านไปนาน ๆ อาจรู้สึกเหนื่อย ถอดใจไปได้           5 นิ้วขึ้นไป : ระดับภาษายากเกินไป ควรเปลี่ยนเล่มใหม่เป็นเล่มที่ง่ายกว่านี้ ที่มา: https://www.asiabooks.com/breasts-and-eggs-249270.html           อย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้เขียนลังเลอยู่ว่าจะซื้อหนังสือเรื่อง BREASTS AND EGGS ดีไหม (แต่พออ่านแล้วก็ขอขายว่าเรื่องนี้ดีจริง สะท้อนด้านมืดของสังคมญี่ปุ่นที่ผู้หญิงต้องเจอ น้องคนไหนสนใจก็ไปตำได้จ้า) เพราะเป็นคนถอดใจง่าย ถ้าศัพท์ยากเกินไป ความอยากอ่านก็จะลดลง เราเลยเอาหลัก Five Finger Rule มาใช้ โดยสุ่มเปิดมาหน้าหนึ่งแล้วอ่าน นับจำนวนคำที่ตัวเองไม่รู้           จากในภาพจะเห็นว่ามีคำศัพท์ที่ผู้เขียนไม่รู้ 3 คำตามที่ได้ขีดเส้นใต้สีแดงเอาไว้ ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ก็อาจจะยากกว่าความสามารถของผู้เขียนนิดหนึ่ง แต่ก็เหมาะจะเอาไว้ใช้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ (ดังนั้นผู้เขียนก็รีบคว้าไปจ่ายตังค์เลยค่ะ5555)           น้อง ๆ ผู้อ่านบางคนที่อ่านมาถึงตอนนี้แล้วอาจจะคิดว่า แล้วถ้าตัวน้องอยากรู้ภาษาต่างประเทศไว ๆ ไม่ได้ขี้เกียจหรือถอดใจกับการหาคำศัพท์ง่าย ๆ…
Read More
เทคนิคใช้สียังไงให้คะแนนสอบออกมาเริ่ด

เทคนิคใช้สียังไงให้คะแนนสอบออกมาเริ่ด

9วิชาสามัญ, GAT/PAT, O-NET, TCAS, สอบกลางภาค, สอบปลายภาค
               สวัสดีค่า ตอนนี้ช่วงสอบปลายภาคก็ใกล้เข้ามาแล้ว ผู้เขียนจำได้ว่าสมัยตัวเองเรียนอยู่มัธยม พอใกล้วันสอบปลายภาคแล้วก็จะรู้สึกเครียด ลนจนไม่มีสมาธิ เพราะรู้สึกว่าวันสอบปลายภาคเหมือนวันตัดสินชี้เป็นชี้ตาย รู้ตัวอีกทีก็อ่านหนังสือไม่ทัน ต้องยัดเนื้อหาเข้าสมอง 1 คืนก่อนสอบรัว ๆ เลย ซึ่งตอนนั้นผู้เขียนก็คิดว่าถ้ามีตัวช่วยอ่านหนังสือก็คงดี           ผู้เขียนเชื่อว่าน้อง ๆ หลายคนก็คงคิดเหมือนกัน วันนี้เลยอยากมาแนะนำตัวช่วยอ่านหนังสือสอบ นั่นก็คือเทคนิคการใช้จิตวิทยาสีในการอ่านหนังสือนั่นเอง!           อะไรคือ Brain-Based Learning?           ก่อนอื่นผู้เขียนขอแนะนำการจัดการการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน หรือที่รู้จักกันในชื่อ Brain-based Learning (BBL) ก่อน โดยแนวคิดนี้เป็นการนำความรู้ในเรื่องระบบการทำงานของสมอง มาใช้ในการออกแบบพัฒนาจัดการการเรียนรู้ของมนุษย์ และแนวคิดดังกล่าวได้มีการผูกโยงกับหลักการแนวคิดหลักการด้านจิตวิทยาสี (Psycology of color) เนื่องจากสีเป็นตัวกระตุ้นความรู้สึกและส่งผลต่อสภาพจิตใจของมนุษย์           วรรณะสีกับความรู้สึก           สีสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 วรรณะ ได้แก่           สีวรรณะร้อน (Warm Tone)           เมื่อพูดถึงสีวรรณะร้อน ดูตามชื่อเลยก็คือสีที่ทำให้นึกถึงไฟหรือความร้อน มีอิมเมจที่ให้ความรู้สึกสว่างไสว ร้อนแรง นอกจากนี้ยังเป็นสีที่กระตุ้นให้มนุษย์เกิดความรู้สึกกระฉับกระเฉง ตื่นเต้น รุนแรง ตัวอย่างสีที่อยู่ในวรรณะร้อน เช่น สีเหลือง สีส้มเหลือง สีส้ม สีส้มแดง สีแดง สีม่วงแดง           สีวรรณณะเย็น (Cool Tone)           สีวรรณะเย็นก็คือสีที่ทำให้นึกถึงความหนาวเย็น มีอิมเมจที่ให้ความรู้สึกเยือกเย็น สงบ  เป็นสีที่กระตุ้นให้มนุษย์รู้สึกสงบเงียบ อ่อนโยน สบายลดความตึงเครียด ไปจนถึงรู้สึกเศร้าสลด หม่นหมอง ตัวอย่างสีที่อยู่ในวรรณะเย็น เช่น สีเขียว สีเขียวน้ำเงิน สีน้ำเงิน สีน้ำเงินม่วง           ทั้งนี้ก็ยังมีสีพิเศษหลายสีที่อยู่ทั้งวรรณะร้อนและวรรณะเย็น เช่น สีเหลือง สีม่วง           สีแบบไหนที่จะช่วยให้มนุษย์เรียนรู้ได้ดี?           เกริ่นก่อนว่าการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นพื้นฐานนั้น ความรู้สึกที่ตื่นตัวแบบผ่อนคลาย ไม่กดดัน แต่มีความท้าทาย ชวนให้จดจ่อและค้นหาคำตอบนั้นจะทำให้มนุษย์สามารถเรียนรู้ได้ดี ดังนั้นสีที่จะช่วยให้มนุษย์สามารถมีสมาธิได้นั้นจะต้องเป็นสีที่ให้ความรู้สึกสงบผ่อนคลาย           สีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างสมาธิมากที่สุดคือ สีน้ำเงิน เนื่องจากสีน้ำเงินเป็นสีที่อยู่ในวรรณะเย็น และอยู่ในโทนเข้ม (ในทางจิตวิทยา สีโทนเข้มจะช่วยเพิ่มความจำได้มากกว่าสีโทนอ่อน) สึน้ำเงินจึงเป็นสีที่นอกจากจะช่วยให้ผู้เห็นรู้สึกสงบ ผ่อนคลายลงแล้ว ยังช่วยดึงสติและสมาธิได้อีกด้วย           ที่ประเทศญี่ปุ่นได้มีการใช้สีน้ำเงินกับเทคนิดการเรียนที่ชื่อว่า「青ペン記憶法」หรือถ้าแปลตรงตัวเลยก็คือ “เทคนิคช่วยจำด้วยปากกาน้ำงิน” โดยวันนี้ผู้เขียนจะขอนำเสนอวิธีการใช้ปากกาน้ำเงิน 3 วิธี           1. เขียนทุกอย่างด้วยปากกาสีน้ำเงิน           เป็นวิธีที่ฮิตที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยวิธีทำก็ง่าย ๆ เลยคือก่อนอื่นให้น้อง ๆ ตั้งเป้าหมายเอาไว้ในหัวก่อนว่าอยากเขียนเกี่ยวกับอะไร เช่น จะเขียนสรุปหัวข้อที่ตัวเองไม่แม่นอันนี้ ๆ หรืออยากเขียนทวนเรื่องนี้ ๆ 3…
Read More
เคยไหม อ่านเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ซักที

เคยไหม อ่านเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ซักที

9วิชาสามัญ, GAT/PAT, O-NET, TCAS, Uncategorized, บทความสัมภาษณ์, สอบกลางภาค, สอบปลายภาค, แอป Clearnote
  ช่วงนี้คงเข้าสู่ช่วงสอบแล้วสำหรับบางคน ตะบี้ตะบันอ่านหนังสือก็แล้ว แต่ก็จำไม่ได้ซักที ท่องศัพท์แล้ว ผ่านไปก็ลืมตลอด ทุกคนเคยมีปัญหาเหล่านี้กันบ้างไหมคะ เราคิดว่ามีคนไม่น้อยที่ประสบกับปัญหานี้ เราเองก็เคยประสบกับปัญหานี้เช่นกันค่ะ วันนี้จึงอยากมาแบ่งปันวิธีจำให้ได้นานในรูปแบบความจำระยะยาวให้ทุกคนได้ฟังกันค่ะ Cartoon png from pngtree.com/   ก่อนอื่นขอเล่าเกี่ยวกับความจำของคนเราก่อนนะคะ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ ความทรงจำของเรานั้นแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ 1.ความจำทันที (immediately memory) หมายถึง ความจำที่เกิดทันทีที่มีการรับรู้จากสิ่งเร้า โดยยังไม่มีการทบทวนหรือใส่ใจ ทำให้ลืมได้ง่ายภายในไม่กี่วินาที เช่น ชื่อถนน เบอร์โทรศัพท์ 2.ความจำระยะสั้น(Short-term memory) หมายถึง ความจำซึ่งเราตั้งใจจดจำไว้ชั่วคราวไม่กี่นาที และถ้าไม่มีการทบทวนความทรงจำก็จะลืมไปได้เช่นกัน เช่น สิ่งใหม่ๆที่เรียนรู้ 3.  ความจำระยะยาว (long-term memory) หมายถึงความจำที่เราทบทวนอยู่เสมอ ทำให้เปลี่ยนจากความจำระยะสั้นมาเป็นความจำระยะยาว ซึ่งอาจอยู่ได้นานเป็นปี หรือตลอดชีวิตก็ได้ เช่น วิธีขี่จักรยาน brain png from pngtree.com/   สมองเราก็เหมือนกับ hard drive ค่ะ แน่นอนว่ามีพื้นที่จำกัดในการกักเก็บข้อมูล ด้วยเหตุนี้แหละค่ะที่ทำให้เราลืมสิ่งต่างๆ เมื่อข้อมูลของเราเต็ม สมองจะพยายามขจัดข้อมูลที่เราคิดว่าไม่จำเป็นออกไป ถ้าเพื่อนๆยังนึกภาพกันไม่ออก เราจะลองยกตัวอย่างให้ได้เห็นภาพกันมากขึ้นนะคะ เพื่อนๆคงจะรู้จัก เชอร์ล็อค โฮล์มส์ กันใช่ไหมคะ เขาเป็นนักสืบอัจฉริยะนั่นเอง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถจดจำเรื่องระบบสุริยะได้ ไม่ใช่ว่าเพราะเขาไม่เรื่องนี้แต่อย่างใด แต่นั่นเป็นเพราะเขาฉลาดมากๆ มีข้อมูลในหัวมาก สมองของเขาจึงกำจัดข้อมูลเกี่ยวกับระบบสุริยะที่เขาคิดว่าเป็นข้อมูลที่ไม่จำเป็นต่อเขานั่นเอง ดังนั้นเพื่อไม่ให้ข้อมูลล้น ข้อมูลใหม่ๆจึงถูกจัดเป็นความจำระยะสั้น หรือ Short-term memory นั่นเองค่ะ   จากผลวิจัยของนักจิตวิทยาชาวเยอรมณี Hermann Ebbinghaus ชี้ให้เห็นว่า ในเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงหลังจากเรียนสิ่งใหม่ๆ คนเราลืมสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปถึงมากกว่าครึ่งเสียอีก หลังจากนั้นส่วนใหญ่จะจำข้อมูลได้เพียงประมาณ 30% เท่านั้น หมายความว่าหากเราต้องการที่จะเก็บข้อมูลไว้ในหัวเราให้ได้นาน เราจะต้องทำให้ข้อมูลนั้นกลายเป็นความทรงจำระยะยาวค่ะ แต่จะทำได้อย่างไร? บทความนี้ได้รวบรวมมาให้เพื่อนๆแล้วค่ะ การทำซ้ำ   หากเพื่อนๆกำลังอ่านบทความนี้ก่อนสอบ มาถูกทางแล้วค่ะ วิธีนี้จะช่วยให้เพื่อนๆจดจำได้เร็วขึ้นค่ะ ก่อนอื่นจดจำข้อมูลที่ต้องการ จากนั้นทำการทบทวน การทบทวนไม่ใช่การอ่านซ้ำอีกรอบ แต่ให้เพื่อนทบทวนกับตัวเองว่าเราได้เรียนรู้อะไรไป หากทำแล้วพบว่าลืมอะไรตกหล่นไปให้เน้นย้ำตรงจุดนั้นเพิ่มหลังจากนั้นค่ะ  ซึ่งจะทำดังนี้ค่ะ การทบทวนครั้งแรก : ทบทวนทันทีหลังจากเรียนรู้ การทบทวนครั้งที่ 2 : หลังจากผ่านไป 15-20 นาที การทบทวนครั้งที่ 3 :หลังจากผ่านไป 6-8 ชั่วโมง การทบทวนครั้งที่ 4 : หลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมง ในระหว่างที่ไม่ได้ทบทวนขอให้เพื่อนๆพักผ่อนสมอง โดยไม่จำเป็นต้องจดจ่อกับเนื้อหาที่กำลังจำตลอดเวลานะคะ   ต่อมาจะเป็นวิธีที่ทำให้จำได้นานขึ้นค่ะ ซึ่งยังเป็นการทำซ้ำเหมือนเดิมแต่จะแตกต่างกับวิธีแรกเล็กน้อย การทบทวนครั้งแรก : ทบทวนทันทีหลังจากเรียนรู้ การทบทวนครั้งที่ 2 : หลังจากผ่านไป…
Read More
ตีแผ่เคล็ดลับเตรียมสอบ จากภาพยนตร์เรื่อง “Biri Gal”

ตีแผ่เคล็ดลับเตรียมสอบ จากภาพยนตร์เรื่อง “Biri Gal”

9วิชาสามัญ, English, GAT, GAT ENG, GAT/PAT, O-NET, PAT1, PAT2, TCAS, ภาพยนตร์, ภาษาญี่ปุ่น, สอบกลางภาค, สอบปลายภาค
ตีแผ่เคล็ดลับเตรียมสอบ จากภาพยนตร์เรื่อง “Biri Gal”           สวัสดีจ้า น้อง ๆ มีใครเคยดูภาพยนตร์ญี่ปุ่นชื่อดังเรื่อง「ビリギャル」หรือ “Biri Gal”  บ้างไหมคะ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่เป็นแรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยของผู้เขียนเลย ถ้าใครยังไม่รู้จัก เราไปดูเรื่องย่อกันดีกว่า ที่มา : http://birigal.jp/           เรื่องย่อ           ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเรื่องจริง โดยคุโด ซายากะ (รับบทโดย Arimura Kasumi) นางเอกของเรื่อง เป็นสาวแกล ที่โหล่ของห้องที่ถึงจะอยู่ชั้นม.5 แต่ความรู้เทียบได้กับแค่เด็กป.4 และก่อเรื่องไม่เว้นวันจนในโรงเรียนต่างเอือมระอา จนมาวันหนึ่งซายากะถูกพักการเรียน แม่ได้ชักชวนให้เธอไปสมัครเรียนที่โรงเรียนสอนพิเศษแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ซายากะได้พบกับอาจารย์ท์ซุโบตะ โนบุทากะ (รับบทโดย Ito Atsushi) อาจารย์สอนพิเศษที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของซายากะให้สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเคโอ (Keio University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของประเทศญี่ปุ่นได้ภายใน 1 ปี ที่มา : https://youtu.be/oyqqcgpWzsM           เป็นเรื่องราวการฝ่าฟันอุปสรรคของเด็กม.ปลายคนหนึ่งเพื่อเป้าหมายและความฝันของตัวเองที่น่าประทับใจมาก ๆ น้อง ๆ คนไหนที่สนใจก็ลองไปดูกันได้นะคะ และวันนี้เราจะเอาเคล็ดลับที่ซายากะใช้อ่านหนังสือเตรียมสอบมาตีแผ่ให้น้อง ๆ อ่านกันค่ะ รับรองว่าถ้าเอาวิธีอ่านหนังสือของซายากะไปปรับใช้แล้ว เริ่ดปังทุกคน!           1. กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน           ก่อนที่จะเริ่มต้นอ่านหนังสือหรือทำอะไร เราต้องกำหนดเป้าหมายของตัวเองให้ชัดเจนก่อน โดยจากเรื่องตอนแรกซายากะไม่รู้ถึงความสำคัญของการกำหนดเป้าหมาย แต่อาจารย์ท์ซุโบตะได้พูดออกมาว่า「でもさ、無理って思うことを成し遂げたら、自信になるだろ」ซึ่งแปลว่า “แต่ว่านะ การทำสิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้ลุล่วง ก็จะกลายเป็นความมั่นใจได้นะ” ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มต้นอ่านหนังสือ ไม่ต้องกลัวว่าเราจะมีเป้าหมายที่ใหญ่เกินไป เพราะถ้าเรามีความตั้งใจและความพยายามมากพอ ก็จะสามารถทำให้ความฝันที่ตอนแรกเรามองว่าเป็นไปไม่ได้ ให้มันเป็นจริงขึ้นมาได้ แล้วความสำเร็จนั้นก็จะทำให้เราเกิดความมั่นใจ ความภูมิใจในตัวเอง           ทั้งนี้แรงบันดาลใจหรือเหตุผลที่ทำให้เราตั้งเป้าหมายนั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องจริงจังก็ได้ เช่น ในตอนแรกที่ซายากะเข้าโรงเรียนม.ต้นของเธอ ส่วนหนึ่งก็เพราะชุดเครื่องแบบนักเรียนน่ารัก น่าใส่ และในตอนที่ซายากะเลือกสอบที่มหาวิทยาลัยเคโอ ก็เพราะที่มหาวิทยาลัยขึ้นชื่อเรื่องหนุ่มหน้าตาดี ดังนั้นเราอาจหาแรงบันดาลใจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อย เช่น อยากเรียนที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยนั้น เพราะอาคารสวย เพราะอาหารอร่อย เพราะอยากลองเข้าทำกิจกรรมนี้ ๆ หรือแค่เพราะอยากลองchallengeตัวเอง ก็เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นแล้ว           2. ไม่กลัวที่จะปูพื้นฐานใหม่           จากที่ได้เล่าให้ฟังในเรื่องย่อ ถึงซายากะจะเรียนอยู่ชั้นม.5 แล้ว แต่ความรู้ต่าง ๆ ยังอยู่ชั้นป.4 ทำให้ทำคะแนนpre-testของโรงเรียนกวดวิชาได้0คะแนน ถึงอย่างนั้นซายากะก็ไม่กลัวที่จะปูพื้นฐานของตัวเองใหม่หมดเลยโดยการนั่งอ่านหนังสือและทำแบบฝึกหัดสำหรับนักเรียนชั้นประถม ทำให้ต่อมาซายากะคะแนนดีขึ้นเรื่อย ๆ           การปูพื้นฐานก็เหมือนกับการกำจัดจุดอ่อนของเรา โดยน้อง ๆ อาจลองทำข้อสอบประเมินทุกวิชาก่อนว่าตัวเองมีจุดอ่อนวิชาไหน หรือหัวข้อไหน แล้วเมื่อเรารู้จุดที่อ่อนแล้ว ก็ไปอ่านทำความเข้าใจหลักพื้นฐานของวิชานั้น ๆ หรือประเด็นนั้น ๆ จากนั้นเมื่อพื้นฐานเราแน่นมากพอแล้ว เราก็สามารถไปตะลุยโจทย์ที่มีระดับความยากขึ้นไปอีกได้           อาจารย์สมัยม.ปลายของผู้เขียน (โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา) เคยพูดเอาไว้ว่า การเรียนก็เหมือนการก่อปราสาททราย…
Read More
5 วิธี เรียนภาษาญี่ปุ่นเองที่บ้าน

5 วิธี เรียนภาษาญี่ปุ่นเองที่บ้าน

GAT/PAT, Uncategorized, ข้อมูลเรียนต่อนอก, ภาษาญี่ปุ่น, เรียนภาษาญี่ปุ่น
5 วิธีเรียนภาษาญี่ปุ่นเองที่บ้าน โดย Jackie Bumgarner น้องๆ คือคนหนึ่งที่ไม่รู้จะเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นยังไงดีรึเปล่า? หรือก็เคยเรียนมาบ้าง แต่ไม่รู้จะพัฒนาภาษาญี่ปุ่นของตัวเอง ให้เก่งขึ้นไปอีกระดับยังไง? มาลองดูเทคนิคกับเคล็ดลับที่จะช่วยให้การเรียนภาษาญี่ปุ่น กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันกัน ประสบการณ์ของผู้เขียน: เราเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นตอนอยู่มัธยมปลาย โดยการเรียนวิชา ภาษาญี่ปุ่น1 ที่โรงเรียน (วิชาภาษาญี่ปุ่นระดับเริ่มต้น) เป็นการเรียนภาษาญี่ปุ่นคอร์สแรกและคอร์สเดียวจนกระทั่งตอนนี้ ความสามารถภาษาญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่มีมาจากการเรียนด้วยตัวเอง และการใช้ภาษาญี่ปุ่นในชีวิตจริงระหว่างไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นช่วงมัธยมปลายกับมหาวิทยาลัย เราเองไม่ได้คล่องภาษาญี่ปุ่นเลย เราพยายามรักษาสกิลภาษาญี่ปุ่นด้วยการใช้เทคนิคต่างๆ ช่วยให้ภาษาญี่ปุ่นกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน โดยการพยายามฝึกภาษาญี่ปุ่นทุกวัน จะได้ใช้สมองคิดเป็นภาษาญี่ปุ่น แล้วก็ยังพยายามพัฒนาตัวเองให้ใช้ภาษาได้หลากหลายขึ้นและเป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วย การเรียนภาษาญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเรา การเรียนภาษาใหม่เป็นเรื่องท้าทาย โดยเฉพาะถ้าเรามีหน้าที่อื่นๆ ที่ต้องทำ อย่างการทำงานหรือการเรียน  ต่อไปจะขอแนะนำเทคนิคเล็กๆ น้อย ที่น้องๆ สามารถเอาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพื่อให้การเรียนภาษาใหม่เป็นเรื่องง่ายขึ้นและรู้สึกฝืนน้อยลง 5 วิธี ในการเรียนภาษาปุ่นเองที่บ้าน 1.ติดโน้ตไว้ที่สิ่งของในห้องหรือในบ้าน เราคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีมากในการดึงภาษามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเวลาอยู่บ้าน เราเอาโพสต์อิทแปะไว้ที่สิ่งของภายในบ้านแล้วเขียนชื่อภาษาญี่ปุ่นของสิ่งของนั้นไว้ วิธีนี้ทำให้เราต้องเจอภาษาญี่ปุ่นในทุกที่ของบ้าน ถ้าน้องๆ จำชื่อสิ่งของต่างๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นได้ดีขึ้นแล้ว ลองพูดชื่อของเป็นภาษาญี่ปุ่นดังๆ เวลาที่หยิบมาใช้ ก็จะช่วยให้ตัวเราคุ้นกับชื่อภาษาญี่ปุ่นของสิ่งของต่างๆ ที่ใช้ในบ้านทุกๆ วัน 2.หาวิธีพูดภาษาญี่ปุ่นออกมาดังๆ เวลามีโอกาส หลายๆ คนตอนอ่านหนังสือภาษาญี่ปุ่น อาจจะไม่เคยออกเสียงคำตอนอ่านเลย แต่การพูดหรืออ่านออกเสียงเป็นกุญแจสำคัญมากๆ ในการเรียนภาษาใหม่ และน้องๆ จะต้องฝึกเท่านั้น ถึงจะพูดได้คล่องขึ้น เพราะฉะนั้นเวลาที่อ่านหนังสือ เราก็ต้องพูดทุกคำทุกประโยค ให้ตัวเราได้ชินกับการพูดภาษาญี่ปุ่น 3.หาคนคุยภาษาญี่ปุ่นด้วย ขั้นตอนต่อไปที่จะทำให้น้องๆ ชินกับการพูดภาษาญี่ปุ่น คือการฝึกพูดกับคนอื่น การฝึกพูดกับคนอื่นจะช่วยให้น้องๆ ชินกับการพูดกับคนจริงๆ อย่างเป็นธรรมชาติ วิธีนี้จะช่วยให้น้องๆ คุ้นชินกับบทสนทนาเร็วขึ้นกว่าการอ่านหนังสือคนเดียว 4.อ่านหนังสือที่เคยอ่านแล้ว เป็นฉบับภาษาญี่ปุ่น เทคนิคนี้จะได้ผลดีขึ้น ถ้าน้องๆ คุ้นกับตัวฮิรางานะ คาตาคานะ แล้วก็ตัวอักษรคันจิบ้างแล้ว เริ่มด้วยการเลือกหนังสือที่คุ้นเคยอยู่แล้ว เคยอ่านแล้วในฉบับภาษาแม่หรือภาษาที่เราคล่อง เป็นพวกหนังสือนิทานเด็กอะไรแบบนี้ก็ดี ตอนที่เราลองวิธีนี้ เราอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์เล่มแรก ลองอ่านฉบับภาษาญี่ปุ่นหน้าแรกดู แล้วก็เขียนเนื้อหาทั้งหน้าลงสมุด เพื่อแปลเป็นภาษาของเราเอง เราว่ามันสนุกดีเพราะเราชอบอ่านหนังสือ แถมวิธีนี้เราหาข้อแตกต่างระหว่างฉบับภาษาญี่ปุ่นกับฉบับภาษาอื่นได้ด้วย 5.หมั่นทบทวน ทวนแล้วก็ทวนอีก ภาษาของเราจะไม่ดีขึ้นเลย ถ้าเราไม่ฝึกฝนสิ่งที่เรียนมาซ้ำๆ จนกว่าจะสามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นได้ดี ที่สำคัญคือ เราจะต้องไม่ยอมแพ้แล้วก็พยายามฝึกทุกวัน ถึงจะวันละ 5 นาที 10 นาทีก็ตาม น้องๆ จะเริ่มเห็นการพัฒนาของตัวเองถึงจะใช้เวลาบ้างก็ตาม แต่ก็จงอดทนแล้วพยายามเรียนทุกๆวัน ขอให้โชคดีจ้า หนังสือและแอปที่ช่วยในการเรียนภาษา Youtube ดูวิดิโอภาษาญี่ปุ่นใน Youtube เพราะการได้ยินคำต่างๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นแล้วลองพูดตามให้ตัวเองฟังก็ช่วยได้เยอะเลย รายการสัมภาษณ์ชาวญี่ปุ่นที่มีซับภาษาอังกฤษและตัวอักษรโรมาจิสำหรับคนเรียนภาษาญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ออกเสียงตามซับได้เลย ดูคลิปอื่นๆ ได้ที่: https://www.youtube.com/user/magauchsein Duolingo ดูรายละเอียดแอปฯ และดาวน์โหลดได้ที่: https://www.duolingo.com/ แอปฯ Duolingo เป็นแอปฯที่ทำให้เราเรียนภาษาผ่านโทรศัพท์ได้ เป็นแอปฯ ฟรีแล้วก็มีประโยชน์มากๆ ใช้เวลาเรียนแต่ละบทไม่นาน แถมเรียนตอนที่กำลังเดินทางอยู่ได้ด้วย หนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่น…
Read More
กว่าจะเป็นนิสิตอักษร แชร์ทุกกระบวนท่าเคล็ดลับสู่คณะที่ใฝ่ฝัน

กว่าจะเป็นนิสิตอักษร แชร์ทุกกระบวนท่าเคล็ดลับสู่คณะที่ใฝ่ฝัน

9วิชาสามัญ, English, GAT/PAT, O-NET, TCAS, รีวิวคณะในฝัน
สวัสดีจ้าน้อง ๆ ทุกคน ขอแนะนำตัวสักหน่อยพี่ชื่อแอดมิน S น้า เชื่อว่า อักษร เป็น 1 ในคณะที่น้อง ๆ ทั้งสายวิทย์ และสายศิลป์ต่างใฝ่ฝันอยากจะเข้าไปเรียน วันนี้แอดเลยจะพาไปสัมภาษณ์รุ่นพี่จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่ามีเคล็ดลับ หรือวิธีการเตรียมตัวในการพิชิตคณะในฝันอย่างไรกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้วเราไปทำความรู้จักกับพี่เขาเลยดีกว่า! 1. แนะนำตัวหน่อยจ้า สวัสดีจ้าเราชื่อแพรว เป็นเด็ก 60 ปัจจุบันเพิ่งจบจาก คณะอักษรจุฬา เอกภาษาอังกฤษ โทภาษาจีนจ้า 2. ทำไมถึงอยากเข้า อักษร เริ่มรู้ตัวเองว่าอยากเข้าตั้งแต่เมื่อไหร่? ขอบอกก่อนเลยว่าจริงๆแล้วเราไม่ค่อยถูกกับวิชาเลขหรือคณิตมาตั้งแต่ต้นแล้วเลยเลือกที่จะเรียนสายศิลป์มาตั้งแต่ตอนมปลาย และก็เริ่มลองหาว่าตัวเองชอบอะไรตั้งแต่ช่วงม. 4 เลยคือลองไปเข้าค่ายเยอะมากๆ ตอนแรกๆนึกว่าตัวเองจะชอบเรียนกฎหมายนะแต่ว่าพอเหมือนเรารู้ว่าถ้าจะเรียนต่อในสาขานี้ จริงๆอาจจะไม่ค่อยสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์เราเท่าไหร่ เลย รอไปงาน open house ของจุฬาฯดูแล้วก็ได้เห็นว่าคณะอักษรได้เรียนอะไรบ้างเลยรู้สึกคลิกกับคณะนี้มากๆ  บรรยากาศงาน Open House อักษร จุฬา 3. เริ่มเตรียมตัวตั้งแต่เมื่อไหร่? เริ่มเตรียมตัววางแผนอนาคตการสอบเข้าตั้งแต่ม 5 เทอม 2 เลยค่ะ จะเรียกว่าเตรียมตัวได้ไหมนะจริง ๆ แค่ เริ่มฝึกท่องศัพท์เฉย ๆ อ่ะค่ะ ฮ่าๆๆ 4. มีเคล็ดลับในการเตรียมสอบเข้า อักษร ยังไงบ้าง? เคล็ดลับในการเตรียมสอบของเราหลัก ๆ เลยคือเรื่องของวินัยค่ะอย่างแรกเลยเพราะหลังจากเราวางแผนเสร็จแล้วคือมันเป็นเรื่องง่ายมาก ๆ ที่แผนของเราจะล่มภายในไม่กี่อาทิตย์ เราเริ่มพยายามสร้างวินัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะคือ การเอาขนมไปแทรกไว้ตรงหน้าหนังสือที่เราตั้งไว้ว่าเป็นเป้าหมายว่าจะต้องอ่านไปให้ถึงให้ได้พอเราเห็นขนมเป็นรูปเป็นร่างกำลังรอคอยเราอยู่ในหน้าหนังสือที่เป็นเป้าหมายนั้นไม่ว่ายังไงเราก็ต้องอ่านหนังสือให้ไปถึงเป้าหมายในแต่ละวันของเราค่ะ แต่ก็จะมีข้อเสียอยู่อย่างนึงนะคะก็คือว่ากว่าจะอ่านจนหมดเล่มก็น้ำหนักขึ้นไปหลายโลแล้วค่ะ ฮ่าๆ 😂 แต่วิธีนี้ได้ผลกับเรามากๆจนสามารถอ่านหนังสือตามเป้าหมายได้ไปหลายเล่มเลย ถ้าน้องหรือเพื่อนๆคนไหนสนใจก็สามารถนำไปใช้กันได้นะคะ ไม่หวงค่ะ! และที่สำคัญเลยที่เราอยากจะแชร์ก็คือเราสอบเข้าอักษรจุฬามาโดยอ่านโน้ตจากในแอป Clear เนี่ยแหละค่ะ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าส่วนตัวเรียนสายศิลป์ภาษาเยอรมันมาแต่เนื่องจากคะแนน PAT ภาษาเยอรมันนั้นฝืดเสียเหลือเกินเลยเปลี่ยนใจมาสอบเป็น PAT ภาษาญี่ปุ่นแทนค่ะ ที่นี้ก็เลยต้องหาความรู้เพิ่มเติมจากการอ่านโน้ตของเพื่อนในแอป Clear นี่แหละค่ะ และจะบอกว่ามันช่วยได้จริงๆนะคะเพราะว่าเมื่ออ่านโน้ตของเพื่อนๆหลายๆคนแล้วแต่ละคนก็เหมือนมาแชร์ในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อนแล้วเราพอเราอ่านไปหลายๆเล่มก็ทำให้เรามีชุดความรู้ในหัวที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์สามารถสอบได้เลยค่ะ! ที่นี้สำหรับน้องที่อยากเข้าอักษรโดยเฉพาะเลย เราขอเน้นย้ำว่าคะแนนภาษาอังกฤษ คะแนนสังคม ภาษาไทยและคะแนนในส่วนของ PATภาษาต่างประเทศนั้นสำคัญมาก ๆ ค่ะ และสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราในการอ่านวิชาพวกนี้ก็คือการเก็บเนื้อหาให้ได้มากๆค่ะไม่ว่าจะเป็นทางด้านความรู้รอบตัวหรือว่าทางด้านคำศัพท์มันเป็นสิ่งที่เราจะต้องทยอยอ่านไปเรื่อย ๆ บางทีก็จะรู้สึกว่าเก็บเท่าไหร่ก็เก็บไม่หมด เลยจะแอบมากระซิบว่าอย่าเพิ่งหมดกำลังใจไปก่อนจะเก็บเนื้อหาหมดนะคะ! 5. เคยเหนื่อย หรือท้อบ้างมั้ย จัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไง? ถ้าถามว่าเคยเหนื่อย หรือเคยท้อบ้างไหมขอบอกเลยว่าก็จะมีความคิดแบบนี้แว็บเข้ามาในหัวบ่อยๆตอนที่อ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ หรือว่าต้องแบกรับภาระหน้าที่อะไรหลายๆอย่างไปในเวลาเดียวกัน จริงๆส่วนใหญ่ช่วงเวลาแบบนั้นขึ้นก็จะเลือกที่จะคุยกับเพื่อนเยอะๆเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกดาวน์ไปมากกว่านี้ เรารู้สึกว่าการเปิดใจคุยกับใครสักคนไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ตัวเพื่อนหรือครอบครัวมันจะทำให้เรารู้สึกโล่งและก็ทำให้เราถอยหลังออกมาจากปัญหา มามองปัญหาในภาพรวมกว้างๆมากขึ้น ทำให้เราไม่หมกมุ่นจนเสียสุขภาพจิตจนเกินไปค่ะ นอกจากนี้เองเราก็อาจจะหันไปหาที่พึ่งทางใจคือการทำงานอดิเรกหรือว่าหาสิ่งที่เราชอบ ยกตัวอย่างเช่นในกรณีของเรา เราก็จะชอบดูพวกอนิเมะและอ่านมังงะมาก ๆ เราก็พยายามทำสิ่งนั้นเพื่อทำให้ฮอร์โมนแห่งความสุขหลั่งออกมาเยอะๆค่ะ อ่ะ พอพูดถึงฮอร์โมนแห่งความสุขจะบอกว่าช่วงม. 6 นอกจากอ่านหนังสือแล้ว เราก็แบ่งเวลามาตีแบตกับเพื่อนด้วยค่ะ ช่วงเวลาหลังจากออกกำลังกายก็จะรู้สึกสดชื่นขึ้นนะคะ ถือเป็นการได้พักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจเลยค่ะ! 6.…
Read More
ฟิสิกส์โกเอกดีไหม…รีวิว จากคนเรียนจริง!

ฟิสิกส์โกเอกดีไหม…รีวิว จากคนเรียนจริง!

GAT/PAT
รวมรีวิวจากน้องๆ Clear ที่เคยลงคอร์สติวฟิสิกส์ กับ ฟิสิกส์โกเอก มาแล้วจริงๆ 👍 สวัสดีวัยรุ่น! เชื่อว่าหนึ่งในวิชาที่หลายคนกุมขมับหลังเปิดเทอมมา ต้องมีวิชา ฟิสิกส์อยู่ในนั้นแน่ๆ!! โดยเฉพาะชาวสายวิทย์ทั้งหลาย ที่ยังไง๊ยังไงก็ต้องเจอฟิสิกส์อย่างแน่นอน วันนี้ เคลียร์เลยเอาตัวช่วยเด็ดมาฝาก ถ้าเรียนในโรงเรียนไม่รู้เรื่อง ก็มาเรียนกับ ฟิสิกส์โกเอกเลย!!  เผื่อเป็นทางสว่างให้กับใครหลายๆคนได้ ด้วยการเอารีวิว แบบ insight ไม่ได้โม้ จากคนที่เคยลงเรียนไปแล้วจริงๆมาให้อ่านกันเลย! จะได้รู้กันไปเลยว่า ฟิสิกส์โกเอก ดีไหม ใช่สไตล์เราหรือเปล่า บอกเลยว่าใครที่กำลังมองหาที่ติวฟิสิกส์อยู่ ห้ามพลาด!! รีวิวด้านล่างทั้งหมดนี้ มาจากน้องๆ ที่เคยลงเรียน ฟิสิกส์โกเอก คอร์ส Ent63 จริงๆ! (ของปีนี้อัพเดตเป็น Ent64 แต่เนื้อหาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีติวข้อสอบ สอวน. ให้ด้วยจ้าาา) เพราะเกรดฟิสิกส์ไม่เคยปราณีใคร ... ช้าอยู่ใย ไปอ่านรีวิวกัน!!!! รีวิวจากน้อง Ddiaryofdek64 (เป็น account studygram ด้วยน้า ไปตามกันได้จ้า ให้คะแนน ฟิสิกส์โกเอก 9/10 !! "สอนดีมากๆ เลยค่ะ ทำให้หนูชอบฟิสิกส์มากขึ้น 💕" รีวิวคอร์สเรียน ฟิสิกส์โกเอก : โกเอกสอนละเอียด ทำให้เกรดที่โรงเรียนดีขึ้นกว่าเดิมด้วย! ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ย้อนดูได้ เข้าใจง่าย ถึงแม้ว่าจะแอบง่วงหน่อย 555 รีวิวหนังสือเรียนในคอร์ส : โจทย์เยอะมาก ทำให้รู้โจทย์หลายๆ แนว แล้วโกเอกก็จะค่อยๆอธิบาย ชอบมากๆแต่กระดาษอาจจะบางไปหน่อย เขียนแล้วมันซึม เลยดูไม่สวย (น้องเลยขอหักคะแนนตรงจุดนี้ไป 555) 2. รีวิวจากน้อง mkmxstudy (account นี้ก็เป็น Studygram เหมือนกันนน) ให้คะแนน ฟิสิกส์โกเอก 9.5/10 !! "โกมีข้อสอบให้ทั้ง 9สามัญ ทั้ง Pat2 เลย คือได้ฝึกเยอะๆมาก จากการเรียนคอร์สนี้ ทำให้ชินกับแนวข้อสอบ แล้วก็อ่านโจทย์แตกได้ง่ายขึ้น" รีวิวคอร์สเรียน ฟิสิกส์โกเอก : ข้อสอบให้ฝึกทำเยอะมากกกก ทำให้ชินกับแนวข้อสอบ แล้วก็อ่านโจทย์แตกได้ง่ายขึ้น ถ้าข้อไหนมี 2 วิธีคิด โกก็จะทำให้ดูทั้ง 2 แบบเลย รีวิวหนังสือเรียนในคอร์ส : เนื้อกระดาษดี หนาดี ไฮไลท์ไม่ซึม แต่อยากให้มีสารบัญ จะได้เปิดหาเรื่องที่อยากอ่านได้ง่ายๆ (ที่น้องหักคะแนนไป 0.5 ก็เรื่องสารบัญนี่ล่ะจ้า) 3. รีวิวจากน้อง letduckk.studio (อีกหนึ่ง Studygram ที่คุมโทนได้น่ารักมาก 😍)…
Read More
[Clear รีวิว] ฟิสิกส์โกเอกดีไหม…ใครอยากรู้ต้องอ่าน!

[Clear รีวิว] ฟิสิกส์โกเอกดีไหม…ใครอยากรู้ต้องอ่าน!

GAT/PAT
สวัสดีจ้าทุกคน ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็น ๆ แล้ว นอกจากดูแลสุขภาพแล้ว สิ่งที่เรา ๆ ชาวDek 63 (หรือ 64 ในอนาคตอันใกล้นี้) ทุกคนขาดไม่ได้ก็คือการอ่านหนังสือเตรียมสอบใช่ไหม อากาศเย็นเดี๋ยว ๆ ก็หายไป แต่การสอบนี่สิ ไม่หายไปไหนแน่นอน ใช่ไหมจ๊ะ :) วันนี้เคลียร์ก็เลยกลับมาเหมือนเดิม กับเรื่องราวเกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย วันนี้มาในหัวข้อวิชาสุดหินสำหรับเด็กสายวิทย์อย่างฟิสิกส์!!! เคลียร์ล่ะมั่นใจ๊มั่นใจว่าวิชานี้คงจะเคยทำให้หลาย ๆ คนน้ำตาตกมานักต่อนักแล้ว ไหนจะเรียนในห้องไม่รู้เรื่องบ้างล่ะ ไหนจะทำให้นกคณะในฝันบ้างล่ะ ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้นนะ วิชาฟิสิกส์ ถึงจะเป็นแค่วิชาเดียว แต่ฟิสิกส์นี่ไม่ได้สอบสนามเดียวนะจ๊ะ ไหนจะ Pat 9วิชาสามัญ หรือสอบตรงของมหาลัยต่าง ๆ แน่นอนว่า ต่างสนามสอบก็ย่อมมีสไตล์ข้อสอบที่แตกต่างกันไป (บางสนามก็ตีลังกาหลายตลบไปอีก หักมุมยิ่งกว่าในหนัง!!!) ใครเรียนมาถูกจุด ก็โชคดีคว้าคะแนนไปได้แบบสวย ๆ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดี ใช่ไหม เพราะฉะนั้นการเลือกโรงเรียนกวดวิชาที่สอนครอบคลุมให้เอาไปใช้ได้ทุกสนามสอบจึงสำคัญมาก ๆ   อะไรดีเคลียร์ก็ว่าดี วันนี้เคลียร์เลยหยิบคอร์สติวฟิสิกส์ ที่เค้าว่ากันว่าดีมารีวิวกัน รับรองว่าไปเรียนแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน ที่นั่นก็คือ….  คื๊ออออออ ฟิสิกส์โกเอก นั่นเองจ้า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เคลียร์ขออธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับโกเอกหน่อยละกัน โกเอกเป็นติวเตอร์ฟิสิกส์ ที่โชกโชนด้วยประสบการณ์ ผู้จบคณะวิศวกรรมศาสตร์จากรั้วจามจุรีทั้งระดับป.ตรีและป.โท นอกจากนี้ยังสอนฟิสิกส์มาเป็นเวลาเกือบ20ปีแล้ว!!! แต่ๆๆ เคลียร์เบื่อแล้วที่จะต้องมานั่งรีวิวด้วยตัวเอง เพราะพูดเองเยอะไปเดี๋ยวจะหาว่าเคลียร์โม้ เราเลยมีรีวิวจากผู้เรียนจริงมาให้เห็นๆกันไปเลยว่า ถ้าเรื่องฟิสิกส์แล้ว โกเอกเค้าทอปฟอร์มสุดๆ แล้วจ้า รีวิวนี้จะอยู่ท้ายโน้ตสรุป [ฟิสิกส์โกเอก] ในแอป Clear นะ ใครอยากอ่านโน้ตสรุปฉบับเต็ม คลิกตามเข้าไปอ่านได้ที่ลิงก์ใต้รูปเลยจ้า [ฟิสิกส์โกเอก]คท.แนวตรง โดย wnstudy64 https://www.clearnotebooks.com/th/notebooks/1026620 [ฟิสิกส์โกเอก]การคท.แนวตรง โดย wanii_prshttps://www.clearnotebooks.com/th/notebooks/939737 (ฟิสิกส์โกเอก)เคลื่อนที่แนวตรง โดย baitoey:) https://www.clearnotebooks.com/th/notebooks/1026893 [ฟิสิกส์โกเอก] การคท.แนวตรง โดยhttps://www.clearnotebooks.com/th/notebooks/1027497 MKMXMT ฮั่นแน่! อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงจะสนใจสมัครเรียนแล้วล่ะสิ ในส่วนคอร์สที่รีวิวในวันนี้คือ “ฟิสิกส์ENT63 รวม” โดยจะได้ : หนังสือเรียนทั้งหมด 3 เล่ม สรุปเนื้อหาฟิสิกส์ที่ ม.4-ม.6 เรียนทั้งหมด จับประเด็นที่ออกสอบบ่อย รวมเนื้อหาเรียนกว่า 900 หน้า พร้อมข้อสอบย้อนหลังกว่า 1,700 ข้อจากสนามสอบดังๆ อย่าง 9วิชา , PAT , ข้อสอบตรง ม.อ. และข้อสอบENTRANCE เก่าๆ เรียนแล้วไม่มีทางจับทางข้อสอบไม่ถูกแน่นอน แถมโกเอกมีการแยกให้ด้วยนะว่า ปีไหนออกอะไรกี่ข้อ สัดส่วนบทไหนออกเยอะน้อยแค่ไหนที่พีคคือ มีบางเรื่องที่โรงเรียนไม่ได้สอนแบบตรงๆ ก็มีจ้า โกเอกเอามาสอน บอกต่อให้หมดเปลือก บอกเลยว่าถ้าใครเรียนแล้ว…
Read More

GAT ENG เตรียมทำข้อสอบแบบผ่านฉลุยยย~!

English, GAT ENG, GAT/PAT
สวัสดีค่าาน้องๆชาวDek 63 เวลาผ่านไปเร็วจริงๆนะคะ แปปๆน้องๆก็ขึ้นม.6กันแล้วเน้อะะ ปีนี้ก็จะสอบกันเป็นชีวิตจิตใจกันเลยก็ว่าได้ GAT/PAT ก็เป็นหนึ่งในนั้น ขึ้นชื่อว่าข้อสอบก็ดูเหมือนจะยากไปหมด แต่! ถ้าเราพร้อมก่อนได้เปรียบก่อน มั่นใจก่อน อะไรๆก็จะดูง่ายขึ้นเมื่อถึงวันใกล้สอบนะคะะ คะแนนGATแบ่งเป็น2ส่วน คือ GAT ไทย และ GAT Eng ซึ่งพาร์ทภาษาอังกฤษอาจจะมีท้าทายมากกว่า แล้วจะต้องเตรียมพร้อมยังไงไปดูเล้ยย มาสร้างความมั่นใจในGAT Eng ด้วย โน๊ตสรุปตัวช่วยให้การทำข้อสอบ GAT Eng ให้เป็นไปแบบง่ายๆกันดีกว่าา 1. [GAT/PAT] กลุ่มคำศัพท์ Eng  by SFei🌙 มาเริ่มกันด้วย vocabulary กันก่อนเลยย การทำข้อสอบ GAT Engให้ได้คะแนนเยอะๆนั้น การท่องศัพท์เป็นสิ่งสำคัญมาก การท่องศัพท์เป็นกลุ่มคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ความหมายเหมือนกัน หรือที่เราเรียกว่า synonnyms ก็มีประโยชน์มากๆต่อการทำข้อสอบ แอบกระซิบว่าออกข้อสอบบ่อยด้วยน้าา https://www.clearnotebooks.com/th/notebooks/855678 2. [GAT ENG] Prefix ที่สำคัญ!! by Zen nattanid ไม่มีทางที่เราจะสามรถแปลศัพท์ทุกคำบนโลกออก แต่หากรู้และใช้ Prefix เป็น การเดาศัพท์ที่เราไม่รู้ก็จะง่ายขึ้น การทำข้อสอบGAT Engก็จะอีย์ซี่ขึ้นเป็นกองเลยย รู้อย่างนี้แล้ว รีบเลยยรีบท่องเลยน้าา https://www.clearnotebooks.com/th/notebooks/901073 3. [GAT/PAT60] Grammar ทั้งหมด by pppppanan แกรมม่าก็เป็นอีก1หัวใจหลักของภาษาอังกฤษ ซึ่งแน่นอนว่าข้อสอบGAT Eng ก็มีพาร์ทGrammar พวกเรื่องโครงสร้างประโยค ส่วนขยาย tensesต่างๆ การใช้คำ ถ้ามีคำนี้มาต้องตามด้วยอะไร ซึ่งโน๊ตสรุปนี้ก็สรุปไว้ได้ดีมากๆครบจบเลยทีเดียวค่ะ https://www.clearnotebooks.com/th/notebooks/626822 4. [GATPAT61]รวม idioms น่าออกสอบ by Proyfon idoms ก็เป็นอีกอย่างที่ควรหมั่นท่อง เพระาเราไม่สามารถรู้ความหมายของมันจากการแปลตรงตัว การท่องและหมั่นทบทวนเท่านั้นที่จะช่วยให้น้องๆแปลมันออกในข้อสอบได้ค่ะะ https://www.clearnotebooks.com/th/notebooks/741888 อ๊ะะๆ เวลาไม่คอยท่าา รีบเตรียมตัวให้คุ้นชินกับ GAT Eng แต่เนิ่นๆจะไม่ได้เครียดตอนท้ายเน้อะ หาโน๊ตสรุปดีๆมาไว้เป็นตัวช่วยเตรียมการสอบGAT Engได้อีกมากมายในแอพclearเบยย อยากจะฝากไว้ว่าไม่มีอะไรยากเกินความสามารถถ้าน้องๆทุกคนตั้งใจน้าา สู้ๆค่าา Download Clear App: 💓IOS : http://apple.co/2h9RECl💓Android : http://bit.ly/2i2EmfN ใครพลาดบนความก่อนๆ คลิกย้อนอ่านจากข้างล่างนี้เลยย!
Read More

PAT1…สรุปดี ๆ ที่จะช่วยพิชิตข้อสอบมาแล้วจ้า!

GAT/PAT, PAT1
สวัสดีจ้าน้อง ๆ ทุกคน ต้นเดือนพฤษภาคมแบบนี้ หลาย ๆ โรงเรียนน่าจะเริ่มนับถอยหลังรอวันเปิดเทอมกันแล้ว และโดยเฉพาะเหล่า Dek63 ที่ฤดูกาลแห่งการเริ่มอ่านสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็คงได้เริ่มขึ้นอย่างจริงจังแล้วเช่นกัน!! และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา วันนี้เราจึงมาเอาใจชาว 63 ด้วยสรุปเนื้อหาสำหรับไปตะลุยโจทย์ในข้อสอบวิชา PAT1 กัน !!! ขอกระซิบบอก (ดัง ๆ )เลยว่า บทความนี้ Dek63 ห้ามพลาด เพราะนี่คือการรวมสรุป ข้อสอบ PAT1 ที่เด็ดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!! มาเริ่มกันเลยที่สรุปสุดคูล ที่รวมทุกเนื้อหาสำหรับข้อสอบ PAT1 ไว้อย่างครบถ้วนเล่มนี้!! “[PAT1] สรุปสูตรคณิตม.ปลาย” ขอบอกเลยว่าสรุปเล่มนี้รวมครบหมดทุกเรื่องที่เรียนมาในม.ปลายจริง ๆ ถือได้ว่าเป็นคัมภีร์สำหรับอ่านสอบ PAT1 ได้เวิร์คมาก ๆ ใครสนใจก็ตามไปอ่านกันได้ตามลิงก์ข้างล่างนี้ได้ “ฟรี ๆ ” เลยยยย [PAT1] สรุปสูตรคณิตม.ปลาย https://www.clearnotebooks.com/th/notebooks/473355 และแน่นอนว่า ถ้าใครอ่านเนื้อหาบางเรื่องแล้วยังไม่เข้าใจ อยากอ่านเพิ่มเราก็มีสรุปเนื้อหาแต่ละเรื่องให้เหมือนกัน อย่างเช่น สรุปเรื่อง “เซต ม.4” เล่มนี้เลย โน้ตสรุปสุดน่ารัก ที่ไม่ได้มีดีแค่ความฟรุ้งฟริ้ง แต่ยังมาพร้อมกับเนื้อหาที่ครบถ้วน แต่เข้าใจง่าย ใครที่อยากทวนเนื้อหาเรื่องเซตไปสู้กับข้อสอบ PAT1 บอกเลยว่าเล่มนี้ช่วยได้แน่นอนจ้า! เซต ม.4 ที่มาเซต ม.4https://www.clearnotebooks.com/th/notebooks/597146 โน้ตสรุปเรื่องต่อมาที่เราจะแนะนำชาว 63 สำหรับไปอ่านสู้ข้อสอบกันก็คือ “Trigonometry(ตรีโกณ)” จ้าาา เรื่องตรีโกณอาจเป็นฝันร้ายของใครหลาย ๆ คน ทั้ง sine cos tan เยอะแยะเต็มไปหมด วันนี้เราเลยเอาสรุปรวมสูตรตรีโกณมาให้น้อง ๆ เอาไปทบทวนแล้วฝึกเอาสูตรไปพลิกแพลงทำโจทย์กันให้ชิน จะได้เปลี่ยนฝันร้ายให้กลายเป็นฝันดี เพราะทำข้อสอบ PAT1 กันได้คะแนนดี ๆ นั่นเองงง ว่าแล้วไปดูกันเล้ยยย ที่มาTrigonometry(ตรีโกณ) https://www.clearnotebooks.com/th/notebooks/597712 และโน้ตสรุปสุดท้ายที่เราจะมาแนะนำน้อง ๆ กันในวันนี้ก็คือ “สูตรความสัมพันธ์ฟังก์ชัน ม.6” อ่านง่าย สรุปมาให้แต่เนื้อหาเน้น ๆ ให้น้อง ๆ เอาสูตรไปลุยกันในข้อสอบ PAT1 ได้อย่างเต็มที่ไปเลยย ที่มาสูตรความสัมพันธ์ฟังก์ชัน ม.6 https://www.clearnotebooks.com/th/notebooks/800041 สุดท้ายนี้ ก่อนจะจากกันไปในบทความนี้ ก็อยากจะฝากน้อง ๆ ทุกคน โดยเฉพาะ Dek63 เอาไว้ว่า เคล็ดลับในการทำข้อสอบ PAT1 จริง ๆ แล้วไม่ได้อยู่ที่การท่องจำสูตร แต่คือการนำสูตรพวกนั้นไปประยุกต์ใช้กับโจทย์แต่ละข้อ เพราะฉะนั้น วิธีการอ่านสอบสำหรับ PAT1 ที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือ การฝึกทำโจทย์เยอะ ๆ ให้เราได้หัดเอาสูตรต่าง ๆ…
Read More