แนะนำสรุปสำหรับเด็กสายศิลป์ญี่ปุ่น🎎

แนะนำสรุปสำหรับเด็กสายศิลป์ญี่ปุ่น🎎

GAT/PAT, PAT7, PAT7, Uncategorized, ภาษาญี่ปุ่น, ภาษาที่3, สอบกลางภาค, สอบปลายภาค, หนังสือ, เคล็ดลับการเรียน, เรียนภาษาญี่ปุ่น, แอป Clearnote
สวัสดีค่าทุกคน ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมใช่ไหมคะ ? หลาย ๆ คนอาจมีเวลาว่าเพิ่มมากขึ้น วันนี้เราจึงเอาสรุปและข้อแนะนำในการเรียนต่าง ๆ สำหรับเด็กสายศิลป์ญี่ปุ่นมาฝากค่ะ หรือใครที่สนใจอยากเรียนภาษาญี่ปุ่นก็สามารถอ่านได้เช่นกันนะคะ💖🍙 มาดูกันเลยว่าจะมีสรุปที่น่าสนใจเล่มไหนบ้าง~✨ (more…)
Read More
วิธีท่องศัพท์ ‘ฉบับสายขี้เกียจ’

วิธีท่องศัพท์ ‘ฉบับสายขี้เกียจ’

English, GAT ENG, GAT/PAT, PAT7, Uncategorized, ภาษาที่3, ภาษาอังกฤษ, เคล็ดลับการเรียน
  สวัสดีทุกๆคนค่ะ🥰 ทุกคนเคยประสบปัญหากับการท่องศัพท์กันบ้างมั้ยคะ?🤔 ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น หรือภาษาจีน ทุกภาษาก็ล้วนมีคำศัพท์ให้ท่องเป็นร้อยเป็นพันคำ แค่คิดถึงกองคำศัพท์เห็นเรียงรายเต็มหน้ากระดาษก็รู้สึกอยากจะหลับแล้ว โดยเฉพาะการท่องศัพท์เพื่อไปสอบแล้วด้วยเนี่ย แค่คิดก็รู้สึกจิตใจก็ห่อเหี่ยว เบื่อจนอยากจะหนีไปนอนแล้วใช่มั้ยล่ะคะ5555 ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีท่องศัพท์สนุกๆกันค่ะ!!! (more…)
Read More
มาเรียนภาษาญี่ปุ่นกัน ผ่านแอป CLEARNOTE !

มาเรียนภาษาญี่ปุ่นกัน ผ่านแอป CLEARNOTE !

PAT7, PAT7, Uncategorized, ภาษาญี่ปุ่น, ภาษาที่3, เคล็ดลับการเรียน, เรียนภาษาญี่ปุ่น, แอป Clearnote
สวัสดีค่ะทุก ๆ คน ^^ สำหรับหลาย ๆ คนอาจเป็นช่วงปิดเทอมกันแล้วใช่ไหมคะ ว่าง ๆ ช่วงนี้ มาเรียนภาษาที่สามเพิ่มกันเถอะ ได้ทั้งความรู้และได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยน้า~ วันนี้เราเอาสรุปภาษาญี่ปุ่นดี ๆ 5 เล่ม จากแอป CLEARNOTE มาฝากค่ะ สนใจอยากอ่านสรุปเล่มไหนแบบเต็ม ๆ สามารถคลิกที่ลิงก์ได้เลย^^ 1. ภาษาญี่ปุ่นเบื้องต้น By คุณ X1 สรุปไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่นเบื้องต้นจากคุณ X1 โดยเรื่องหลัก ๆ จะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับประโยคร่วมเงื่อนไขค่ะ สรุปนี้อ่านง่าย สบายตา ลายมือน่ารัก อ่านแล้วเข้าใจอย่างแน่นอน อ่านสรุปแบบเต็ม ๆ คลิกที่นี่เลย! 2. คำช่วยญี่ปุ่น By คุณ ちふゆくん สรุปคำช่วยภาษาญี่ปุ่นแบบเข้าใจง่าย มีรูปภาพประกอบ สวยงาม อ่านง่ายมาก ๆ เลย ^^ อ่านสรุปแบบเต็ม ๆ คลิกที่นี่เลย! 3. คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่น By คุณ Himeko🐰🍭 สรุปคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นในชีวิตประจำวันเล่มนี้สีสันสวยงาม อ่านง่าย เขียนได้น่ารักมาก ๆ เลย อ่านแล้วจะต้องจำได้อย่างแน่นอน ! อ่านสรุปแบบเต็ม ๆ คลิกที่นี่เลย! 4. ตารางคานะและตัวเลข ❤️🤏🏼 By คุณ Tara สรุปนี้จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับตัวอักษรฮิรางานะและคาตาคานะ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเรียนค่ะ สรุปเขียนเป็นระเบียบอ่านง่าย แล้วยังมีคำศัพท์เกี่ยวกับตัวเลขภาษาญี่ปุ่นมาไว้ให้ฝึกท่องด้วยนะ~ อ่านสรุปแบบเต็ม ๆ คลิกที่นี่เลย! 5. ภาษาญี่ปุ่น (โรมันจิ) By คุณ TEAR สรุปภาษาญี่ปุ่นแบบมีคำโรมันจิสะกดให้ด้วย! เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเรียนมากเลยค่ะ คำศัพท์สามารถนำมาฝึกใช้ในชีวิตประจำวันได้ และรูปแบบสรุปก็น่ารักมาก ๆ ด้วย^^ อ่านสรุปแบบเต็ม ๆ คลิกที่นี่เลย! เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับสรุปที่นำมาแบ่งปันให้ในวันนี้? ^^ ยังไงก็ลองไปอ่านสรุปแบบเต็ม ๆ จากลิงก์ในหน้านี้ได้เลยนะคะ สำหรับวันนี้ก็ขอลาไปก่อน またね!ไว้เจอกันใหม่ค่ะ~
Read More
4 เว็บไซต์น่าสนใจ สำหรับเพื่อนๆที่เรียนภาษาญี่ปุ่น!

4 เว็บไซต์น่าสนใจ สำหรับเพื่อนๆที่เรียนภาษาญี่ปุ่น!

Uncategorized, ภาษาญี่ปุ่น, ภาษาที่3, เคล็ดลับการเรียน, เรียนภาษาญี่ปุ่น
    สวัสดีค่า เพื่อนๆที่สนใจหรือเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ทุกๆคน💖 วันนี้เรามีเว็บไซต์ที่จะมาช่วยให้การเรียนภาษาญี่ปุ่นของเราพัฒนาได้มากยิ่งขึ้นมาฝากกันถึง 4 เว็บไซต์ด้วยกันค่า ไม่รอช้าเรามาดูกันเลยย✨✨ (more…)
Read More
ตั้งเป้าหมายช่วยให้ทำสำเร็จมากขึ้นจริงเหรอ?!

ตั้งเป้าหมายช่วยให้ทำสำเร็จมากขึ้นจริงเหรอ?!

Uncategorized, กิจกรรม, ปิดเทอม, ภาษาไทย, สอบกลางภาค, สอบปลายภาค, สุขภาพและความงาม, อาชีพ
  สวัสดีจ้า น้องๆ ทุกคน แล้วก็ Merry Christmas And Happy New Year ด้วย ขอให้ปี 2022 เป็นปีที่ดีของน้องๆ ทุกคนจ้า    ใกล้จะปีใหม่แล้ว น้องๆ หลายคนคงจะเริ่มคิด Goal หรือ New Year's Resolution กันบ้างแล้ว ว่าปีหน้าจะตั้งใจทำเรื่องอะไรให้ดีขึ้น ทำเรื่องอะไรให้สำเร็จ แต่บางที (หรือหลายที) เราก็ไม่สามารถทำเป้าหมายเหล่านั้นให้สำเร็จได้เลย หรือสำเร็จแค่ส่วนน้อย ทำให้บางคนอาจสงสัยว่า การตั้ง Goal หรือ Resolution ช่วยให้เราทำเรื่องต่างๆ สำเร็จมากขึ้นจริงรึเปล่า? และด้วยเหตุผลอะไร? วันนี้ Clearnote จะมาไขข้อสงสัยให้น้องๆ กัน!   การตั้งเป้าหมายช่วยให้ทำสำเร็จมากขึ้นจริงรึเปล่า? ภาพโดย Mediamodifier จาก Pixabay   คำตอบก็คือ จริงจ้า การตั้งเป้าหมายช่วยเราทำเรื่องต่างๆ สำเร็จได้มากขึ้นจริง   จากผลการวิจัยพบว่าการตั้งเป้าหมายมีผลต่อการทำงานของสมอง เมื่อเราตั้งเป้าหมายบางอย่าง สมองส่วนที่รับผิดชอบด้านอารมณ์จะประเมินว่าเป้าหมายนี้มีความสำคัญต่อตัวเราขนาดไหน ต่อมาสมองส่วนที่ทำงานเกี่ยวกับความคิด การแก้ปัญหา ก็จะประมวลว่าเป้าหมายนั้นทำให้เกิดผลอย่างไร สมองทั้งสองนี้จะทำงานร่วมกัน ทำให้เราทำตามเป้าหมายนั้นๆ จนสำเร็จได้ในที่สุด ตั้งเป้าหมายยังไงถึงจะมีแนวโน้มสำเร็จมากขึ้น ภาพโดย gabrielle_cc จาก Pixabay   แต่มันก็มีเงื่อนไขอยู่ เพราะไม่ใช่ว่าเป้าหมายทุกเป้าหมายที่เราตั้งจะส่งผลต่อสมองเหมือนกัน เพราะผลการวิจัยพบว่า เป้าหมายที่เราอยากทำให้สำเร็จจริงๆ เป้าหมายที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจเราเป็นอย่างมากจะมีแนวโน้มจะสำเร็จมากกว่า (อะไรที่ออกมาจากความตั้งใจแน่วแน่ของเราเองก็มีโอกาสสำเร็จมากกว่าอยู่แล้วเนอะ ^^)   นอกจากนี้เป้าหมายที่ทำสำเร็จได้ยากก็จะส่งผลต่อการทำงานของสมองมากกว่าเป้าหมายที่สำเร็จได้ง่าย เป้าหมายที่ยากเลยอาจมีแนวโน้มที่จะสำเร็จได้มากกว่าเป้าหมายที่ง่ายเกินไป เช่น อยากสอบผ่านวิชาคณิต กับ อยากได้คะแนนดีๆ ในวิชาคณิต เป้าหมายหลังก็จะส่งผลต่อสมองมากกว่าเป้าหมายแรก   ถ้าแค่นี้ยังรู้สึกว่ายังไม่พอ อยากในทุกคนลองเขียนเป้าหมายของตัวเองออกมาเป็นตัวอักษรดู เพราะผลการวิจัยยังบอกอีกด้วยว่า คนที่เขียนเป้าหมายของตัวเองออกมาเป็นตัวอักษร มีเปอร์เซ็นต์ที่จะทำตามเป้าหมายได้สำเร็จมากกว่า คนที่คิดภาพไว้ในหัวเฉยๆ ถึง 33% ด้วยกัน   สรุปก็คือ การตั้งเป้าช่วยให้เราทำตามเป้าหมายได้สำเร็จมากขึ้นจริง เพราะการตั้งเป้าหมายส่งผลต่อการทำงานของสมอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกเป้าหมายจะส่งผลต่อสมองเท่ากันหมด เป้าหมายที่เราตั้งใจแน่วแน่จากใจว่าอยากทำได้มีส่งผลต่อสมองมากกว่า จึงมีเปอร์เซ็นต์ที่จะสำเร็จเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้การตั้งเป้าหมายให้ยากหน่อยและการเขียนเป้าหมายออกมาให้เป็นลายลักษณ์อักษรก็เพิ่มเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จให้มากขึ้นเช่นกัน   ได้รู้แบบนี้แล้วน้องๆ คงได้รู้แล้วว่าควรจะตั้งเป้าหมายในปีใหม่นี้อย่างไร ต้องทำแบบไหน เป้าหมายที่ตั้งจึงจะมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น ปีหน้าก็ขอให้น้องๆ พยายามต่อไป Clearnote เชื่อว่าต้องมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นบ้างแน่ๆ 😊✨    References James, G. (2019). 5 What Goal-Setting Does to Your Brain and Why It's Spectacularly Effective. Retrieved from https://www.inc.com/geoffrey-james/what-goal-setting-does-to-your-brain-why-its-spectacularly-effective.html Mitchell, P.M. (2018). Goal-Setting…
Read More
รวมลิสต์ของกินแก้ง่วง ไว้กินตอนอ่านหนังสือ!

รวมลิสต์ของกินแก้ง่วง ไว้กินตอนอ่านหนังสือ!

Uncategorized, สอบกลางภาค, สอบปลายภาค, สอบเข้าม.ปลาย, สุขภาพและความงาม, หนังสือ, อาหารและเครื่องดื่ม
รวมลิสต์ของกินแก้ง่วง ไว้กินตอนอ่านหนังสือ!   สวัสดีจ้า น้องๆ ทุกคน บล็อก Clearnote สัปดาห์นี้มาในธีมของกิน! เพราะเราจะมาแนะนำของกินแก้ง่วงสำหรับน้องๆ ที่ต้องอ่านหนังสือกัน ว่ากินอะไรถึงจะตาสว่างไม่ง่วง พร้อมอ่านหนังสือกัน ของกินแก้ง่วงเวลาอ่านหนังสือ 1.กาแฟ ภาพโดย Nirut Phengjaiwong จาก Pixabay   น้องๆ คงรู้กันอยู่แล้วว่ากาแฟช่วยให้เราไม่ง่วงเพราะกาแฟมีคาเฟอีน แต่ทำไมคาเฟอีนถึงทำให้เราตื่นตัวล่ะ?   นั่นก็เพราะคาเฟอีนมีโครงสร้างคลายกับโมเลกุลอะดีโนซีน ซึ่งทำหน้าที่จับกับตัวรับสัญญาณในสมอง ส่งผลให้เราเกิดอาการง่วง (เป็นกระบวนการปกติของร่างกาย) ดังนั้นเมื่อเรารับคาเฟอีนเข้าไป คาเฟอีนจะไปจับกับตัวรับสัญญาณในสมองแทนโมเลกุลอะดีโนซีน พออะดีโนซีนไม่ได้จับกับตัวรับ ก็จะไม่เกิดอาการง่วงขึ้น ทำให้เรารู้สึกตื่นตัวนั่นเอง   แต่การดื่มกาแฟในช่วงดึกดื่นเที่ยงคืนอาจทำให้เรานอนไม่หลับจนถึงเช้า ทำให้เราเกิดง่วงนอนหรือรู้สึกเหนื่อยในเช้าวันรุ่งขึ้นแทน ดังนั้นถ้าจะดื่มกาแฟแก้ง่วงก็แนะนำให้ดื่มในช่วงกลางวันแทน 2.ชาเขียว ภาพโดย chezbeate จาก Pixabay   ชาเขียวก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนที่ช่วยทำให้ตื่นเหมือนกัน แต่ชาเขียวยังมีสาร L-Theanine (แอล-ธีอะนีน) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งอีกด้วย สารนี้ช่วยให้จิตใจเราสงบ (แปลว่าเราจะมีสมาธิมากขึ้น) แต่ไม่ทำให้เราง่วง 3.ดาร์กช็อกโกแลต ภาพโดย Alexander Stein จาก Pixabay   ช็อกโกแลตก็มีคาเฟอีนกับเขาเหมือนกันนะ แต่น้อยกว่ากาแฟหรือชาเขียวประมาณ 50% (ขึ้นอยู่กับชนิดของช็อกโกแลตด้วย ถ้ามีนม มีส่วนผสมอื่น สัดส่วนของคาเฟอีนก็จะน้อยลง) ดังนั้นถ้าอยากให้ได้ผลจากสารในช็อกโกแลตจริงๆ ก็ขอแนะนำเป็นดาร์กช็อกโกแลตแบบนมน้อย น้ำตาลน้อยก็จะดีกว่า   นอกจากคาเฟอีนแล้วช็อกโกแลตยังมีกรดอะมิโนทริฟโตเฟนที่ช่วยให้เรามีสมาธิมากขึ้นอีกด้วย เพราะทริฟโตเฟนจะกระตุ้นให้สมองหลั่งเซโรโทนินและเอ็นโดรฟิน ฮอร์โมนที่ทำให้เรามีสมาธิมากขึ้น   ดังนั้นถ้าใครไม่อยากกินชาหรือกาแฟตอนดึกเพราะกลัวคาเฟอีนเยอะเกิน ช็อกโกแลตก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดีเลย 4.หมากฝรั่ง ภาพโดย Hans Braxmeier จาก Pixabay   หมากฝรั่งไม่ได้มีสารพิเศษอะไรที่ช่วยให้เราตื่นตัว รู้สึกไม่ง่วง สิ่งที่ทำให้เราไม่ง่วงจริงๆ คือการ "เคี้ยว" หมากฝรั่ง   การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ และยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในสมองอีกด้วย ดังนั้นการเคี้ยวหมากฝรั่งจึงทำให้เรารู้สึกตื่นตัวขึ้น ทำให้เราง่วงน้อยลง รู้สึกเหนื่อยน้อยลง มีสมาธิมากขึ้น ส่งผลทำให้เราอ่านหนังสือหรือทำงานได้ดีขึ้น 5.อัลมอนด์ วอลนัท ถั่วเหลือง ภาพโดย Alexei_other จาก Pixabay   อัลมอนด์ วอลนัท ถั่วเหลืองอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยบำรุงสมอง ทำให้สมองทำงานได้ดี ตื่นตัว เรียนรู้ได้ดีขึ้น มีความจำที่ดีขึ้นอีกด้วย Reference Choi, J.E. (2021). 5 Snacks to Help You Focus. Retrieved from https://upchieve.org/blog/2021/5/24/5-snacks-to-help-you-focus Snacks That May Keep You Awake. (2021). Retrieved from https://www.sleep.org/snacks-that-keep-you-awake/ Stay Awake with these…
Read More

เพลย์ลิสต์ปัง ๆ ฟังเพลิน ๆ ตอนติว

Uncategorized
สวัสดีค่ะทุกคน กลับมาพบกันอีกครั้งสำหรับบทความนี้นะคะในบทความนี้เราเชื่อว่าในตอนนี้เองน้อง ๆ ทุกคนต่างก็ต้องกลับเข้าไปเรียนที่โรงเรียนเหมือนเดิมแล้วซึ่งการกลับที่ไปเรียนที่โรงเรียนเนี่ยก็อาจจะเครียดไม่น้อยเลยสำหรับใครหลายๆคนไหนจะการบ้านที่เพิ่มขึ้นหรือ ความพยายามที่จะต้องอ่านหนังสือเพราะว่าต้องกลับมาสอบเป็นปกติแล้ว ในวันนี้พี่ ๆ ทีมงานก็อยากจะแนะนำ Playlist บน spotify ที่จะช่วยพวกเราในการลดความเครียดและเพิ่มสมาธิในระหว่างการอ่านหนังสือหรือทำการบ้านนั่นเองค่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกันนะคะว่าปกติแล้วทุกๆคนฟังเพลงกันระหว่างอ่านหนังสือหรือเปล่าแต่สำหรับพี่แล้วฟังเป็นประจำทุกวันเลยค่ะเพราะว่ามีงานวิจัยหลายงานค่ะที่วิจัยมาแล้วว่าดนตรีนั้นมีผลโดยตรงกับคลื่นสมองซึ่งถ้าเราเลือกฟังดนตรีทุกประเภทก็จะช่วยให้สมองมีความผ่อนคลายมากขึ้นค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว ก็ขอแนะนำ Playlist Spotify ทั้ง 5 Playlist นี้เพื่อให้น้อง ๆ ได้ไปเปิดฟังระหว่างอ่านหนังสือกันเลยถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะว่ามี Playlist อะไรบ้าง 1. Brain Food  สำหรับ Playlist นี้นะคะขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องใช้สมาธิในการอ่านหนังสือมากๆเลยค่ะเพราะว่า Playlist นี้นะคะเป็น Playlist รวมเพลงสำหรับการจดจ่อโดยเพลงทุกเพลงนะคะจะเป็นเพลงที่ไม่มีเนื้อร้องค่ะเรียกได้ว่าแต่ละช่วงทำนองจะพาเราลอยละล่องไปยังห้วงแห่งสมาธิได้อย่างแน่นอนเลยค่ะ คลิกฟังเพลงใน Playlist ได้ที่นี่เลย 2. Chill Tracks  สำหรับ Playlist นี้นะคะก็เป็นไปตามชื่อเลยค่ะแต่ส่วนมากจะเป็นเพลงแนวสบายๆชิวๆช่วยให้เราผ่อนคลายระหว่างอ่านหนังสือค่ะสำหรับเพลงนี้อาจจะไม่ได้ช่วยให้เราโฟกัสได้เท่ากับเพริสด้านบนนะคะแต่ว่า ก็จะช่วยให้เราผ่อนคลายได้มากขึ้นค่ะก็จะมีบางเพลงใน Playlist นี้นะคะที่จะมีเนื้อร้อง แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะเพราะว่าเนื้อร้องนี้ก็จะเป็นเนื้อร้องที่สบายๆไม่ได้หนักหน่วงอะไรเหมาะสำหรับการเปิดคลอเพื่อทำการบ้านหรืออ่านหนังสือไปด้วยค่ะ  คลิกฟังเพลงใน Playlist ได้ที่นี่เลย 3. Totally Stress Free สำหรับ Playlist ที่สร้างขึ้นโดย Application spotify Playlist นี้นะคะมีความยาวทั้งสิ้นกว่า 5 ชั่วโมงซึ่งเพลงแต่ละเพลงใน Playlist นี้ก็จะเป็นเพลงสบายๆที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดก็จะมีเพลงที่มีเนื้อร้องและไม่มีเนื้อร้องสลับกันไปค่ะ ส่วนมากเพลงใน Playlist นี้ก็จะเป็นท่วงทำนองที่นุ่มๆฟังสบายๆ และก็จะมีบางเพลงที่มีจังหวะที่สดใสค่ะ คลิกฟังเพลงใน Playlist ได้ที่นี่เลย 4. House Focus  สำหรับ Playlist ที่สร้างขึ้นบน spotify Playlist นี้นะคะมีความยาวทั้งสิ้น 6 ชั่วโมงค่ะ ซึ่งเพลงทุกเพลงบน Playlist นี้นะคะก็จะมีความพิเศษอยู่ตรงที่ว่าจะเน้นจังหวะที่ค่อนข้างรวดเร็วทำให้เรารู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นมานั่นเองค่ะและที่พิเศษที่สุดเลยก็คือเพลงทุกเพลงใน Playlist นี้จะไม่มีเนื้อร้องค่ะรับรองได้เลยว่าเราจะไม่เสียสมาธิเพราะเนื้อร้องแน่นอนค่ะแถมยังสามารถฟังเพลงได้ยาวๆตั้ง 6 ชั่วโมงรีบไปตำกันเลยนะคะสำหรับสายที่ชอบฟังเพลงระหว่างอ่านหนังสือยาวๆค่ะ คลิกฟังเพลงใน Playlist ได้ที่นี่เลย 5. Trabajo Relax  สำหรับ Playlist มีบน Spotify นะคะก็ขอบอกได้เลยว่าเหมาะสำหรับทุกๆกิจกรรมเลยค่ะไม่ว่าจะเป็นระหว่างทำงานบ้านก่อนนอนหรือว่าเรียน หรือทำการบ้านส่งนะคะเพราะว่าเป็น Playlist ที่ช่วยลดความเครียดของเราค่ะ ถ้าใครเครียดๆอยู่ก็ลองฟังกันก่อนได้นะคะ เผื่อที่จะ ให้บทเพลงใน Playlist นี้ทำให้วันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับคุณค่ะ คลิกฟังเพลงใน Playlist ได้ที่นี่เลย สุดท้ายนี้แล้วหากใครได้ลองไปเปิดฟังเพลง List ต่างๆเหล่านี้ดูแล้วชอบหรือไม่ชอบหรือได้ผลระหว่างการอ่านหนังสือบ้างหรือเปล่าก็อย่าลืมทิ้งคอมเมนท์ไว้ได้ที่ใต้บทความนี้ได้เลยนะคะ และสำหรับน้องคนไหนที่มี Playlist ที่ถูกใจอยากจะมาแนะนำก็สามารถแนะนำกันได้ผ่านทาง comment ใต้บทความนี้เช่นกันค่ะ สำหรับวันนี้ก็คงจะฝากไว้เพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ
Read More
วิธีค้นหาตัวเองว่าอยากทำอะไร

วิธีค้นหาตัวเองว่าอยากทำอะไร

9วิชาสามัญ, GAT/PAT, รีวิวคณะในฝัน, อาชีพ
วิธีค้นหาตัวเองว่าอยากทำอะไร             สวัสดีค่ะ น้อง ๆ ทุกคน ช่วงนี้คิดว่าหลาย ๆ คนก็คงจะยังใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บ้านกันกับครอบครัวใช่ไหมคะ แล้วบทสนทนาส่วนใหญ่ที่พ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ที่จะคุยก็หนีไม่พ้นไปจากถามว่า “โตขึ้นอยากทำอะไร” “จบม.ปลายไปจะไปเรียนอะไร” “จบมหาลัยแล้วจะทำงานอะไร” ฯลฯ ซึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ คน (รวมถึงผู้เขียน) พอโดนถามก็ตอบไม่ถูก เพราะก็ยังไม่รู้ว่าอยากทำอะไรจริง ๆ หรือยังค้นหาตัวเองไม่เจอ และคำตอบนี้ของเราก็ไม่ใช่แค่ทำให้ผู้ใหญ่ไม่พอใจ คิดว่าเราเป็นคนไม่มีเป้าหมายเท่านั้น แต่ตัวเราเองก็เกิดความไม่มั่นใจกับอนาคตตัวเองด้วย             จริง ๆ แล้วผู้เขียที่ตอนนี้ก็ยังเป็นนักศึกษาฝึกงานอยู่ที่ Clearnote และเป็นหนึ่งในคนที่โดนถามด้วยคำถามเหล่านี้ ก็ยังไม่มีแผนการที่แน่ชัดกับอนาคตตัวเอง แต่ในฐานะที่เคยตัดสินใจเส้นทางชีวิตสำคัญ ๆ ของตัวเองมา 2 ครั้ง คือ 1.ตอนที่เลือกสายการเรียนและโรงเรียนม.ปลาย กับ 2. ตอนที่เลือกคณะ มหาวิทยาลัย ป.ตรี เรามีวิธียังไงที่จะช่วยค้นหาตัวตนได้ ไปดูกันเลย !             1. สังเกตตัวเองว่าชอบอะไร             เรียกได้ว่าเป็นวิธีเบสิคที่สุดเลยทีเดียว โดยเราอาจสังเกตดูก็ได้ว่าเราชอบเรียนวิชาอะไร (หรือถ้าไม่รู้ตัวเอง เราอาจดูก็ได้ว่าวิชาไหนที่เรารอ อยากจะเรียนคาบต่อไป) หรือถ้าไม่มีวิชาที่ชอบเป็นพิเศษก็อาจจะหาวิชาที่ทำได้ดี ได้รับคำชมเยอะ หรือก็คือวิชาที่ถนัดนั่นเอง วิธีนี้แน่นอนว่าใช้ได้ไม่ใช่แค่กับวิชาเท่านั้น ยังใช้ได้กับกิจกรรมต่าง ๆ ก็ได้ เช่น อ่านหนังสือ เล่นเกม เล่นดนตรี ทำขนม ดูหนัง ฟังเพลง ฯลฯ             เมื่อเรารู้ตัวเองแล้วว่าชอบอะไรก็ลองตั้งคำถามกับตัวเองก็ได้ว่า เราจะสามารถเอาสิ่งนี้มาเป็นงานได้ไหม หรือสิ่งนี้ ทักษะนี้สามารถเอาไปพัฒนา ต่อยอดเป็นอาชีพอะไรได้บ้าง             2. สังเกตว่าตัวเองไม่ชอบอะไร             จากข้อที่แล้วที่ให้สังเกตว่าตัวเองไม่ชอบอะไร แล้วก็มาดูข้อตรงข้ามกันบ้างก็คือสังเกตว่าตัวเองไม่ชอบ ไม่ถนัด หรือทำอะไรไม่ได้บ้าง อย่างผู้เขียนเป็นคนที่เรียนเลขได้ แต่เรียนวิทย์ หรืออะไรที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีไม่ได้เลย ดังนั้นผู้เขียนเลยเลือกเรียนสายศิลป์ซึ่งเป็นทางที่ผู้เขียนมั่นใจและถนัด นอกจากนี้อาจสังเกตว่าเรากลัวอะไรก็ได้ เช่น ถ้าเป็นคนกลัวเลือดก็อาจจะต้องทำใจว่าถ้าเรียนหมอก็ต้องเจอเลือดอีกเยอะ ถ้าใครใจฮึดสู้ก็ไปเลย แต่ใครไม่ไหวก็อาจต้องลองคำนึงถึง choice อาชีพอื่น ๆ             แต่แน่นอนว่าถ้าน้องคนไหนรู้ว่าตัวเองไม่ถนัด แต่ก็ยังชอบ อยากลองท้าทาย ก็แนะนำว่าลุยเลยยย ถึงเราจะไม่ได้ตอนนี้ แต่ความเก่งสร้างกันได้ ดังนั้นถ้าน้องมีความอดทน มีความพยายาม อะไรก็ไม่ยากเกินเอื้อม!             3. ถามตัวเองว่าให้ความสำคัญกับอะไรในชีวิต             อยู่ ๆ ก็มาถึงเรื่องที่ดูจริงจังขึ้นมา แต่ในชีวิตจริงเราอาจลองถามตัวเองดูว่าในอีก10 20 ปีข้างหน้า เราอยากให้ตัวเองเป็นแบบไหน อยากเป็นคนที่มีเงิน อยากเป็นคนที่มีความสุข ได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก อยากเป็นคนมีเวลา ไม่ต้องมีชีวิตรีบเร่ง อยากเป็นคนมีชื่อเสียง อยากเป็นคนที่ได้รับการยอมรับ ฯลฯ ซึ่งเป้าหมายของแต่ละคนก็มีไม่เหมือนกัน  แต่เมื่อเรารู้ได้แล้วว่าในอนาคตเราต้องการอะไร เราให้ความสำคัญกับอะไรมากที่สุดในชีวิตการทำงาน และเมื่อเรารู้แล้วกรอบของอาชีพที่ตรงกับเงื่อนไขที่เราคิดก็จะแคบลง…
Read More

4 โน้ตอิ้งสุดปังที่จะอัปเกรดพัง ๆ ให้สวยงาม

Uncategorized
สวัสดีค่ะทุกคนกลับมาพบกันอีกครั้งนะคะสำหรับบทความนี้ในวันนี้นะคะทาง Clearnote ก็อยากจะแนะนำโน้ตสรุปน่ารัก ๆ สดใสเหมาะกับการเตรียมสอบของน้องๆค่ะ โดยสรุปส่วนมากที่เลือกมาในวันนี้ก็จะเป็นในส่วนของวิชาภาษาอังกฤษนะคะ ซึ่งแน่นอนว่าเนื้อหาวิชาภาษาอังกฤษในวันนี้สามารถอ่านได้กันทั้งในระดับมัธยมต้นและในระดับมัธยมปลาย ไปจนถึงระดับอุดมศึกษาเลยค่ะ เพราะว่าไม่ว่าจะระดับชั้นไหน ๆ วิชาภาษาอังกฤษก็รวมเป็นวิชาที่มีความสำคัญมากที่สุดวิชาหนึ่งเลยนะคะ สำหรับโน้ตสรุปที่คัดเลือกมาในวันนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง อย่ารอช้ากันเลยนะคะ ไปดูกันเลยค่ะ 1. แกรมม่าภาษาอังกฤษ by M.srknmy คลิกอ่านฉบับเต็มที่นี่เลย 2. *รวม* 12 Tenses by แมวเหมียว📚 คลิกอ่านฉบับเต็มที่นี่เลย 3. สรุปอังกฤษม.ต้น🥦 by cpqstudies_🌻 คลิกอ่านฉบับเต็มที่นี่เลย 4. Vocabulary คำศัพท์ภาษาอังกฤษ Yurika_a คลิกอ่านฉบับเต็มที่นี่เลย เป็นอย่างไรกันบ้างล่ะคะสำหรับโน้ตสรุปที่ทางเราได้แนะนำกันไปในวันนี้หวังว่าความรู้ทั้งในฝั่งของ Grammar คำศัพท์และความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษอื่น ๆ จะช่วยให้น้อง ๆ ฝ่าฟันและสามารถทำข้อสอบกันได้อย่างราบรื่นนะคะพี่ๆทีมงานเคลียร์เป็นกำลังใจให้กับน้อง ๆ ทุกคนค่ะสำหรับวันนี้พี่ ๆ ก็อยากจะฝากไว้เพียงเท่านี้โชคดีนะคะน้อง ๆ ทุกคน สวัสดีค่ะ :)
Read More
ทำยังไงให้ปิดเทอม Productive

ทำยังไงให้ปิดเทอม Productive

Uncategorized, กิจกรรม, ปิดเทอม, ภาษาที่3, ภาษาอังกฤษ
ทำยังไงให้ปิดเทอม Produvtive            สวัสดีค่ะ น้อง ๆ ทุกคน ช่วงนี้เป็นช่วงเปิดเทอม คิดว่าน้อง ๆ หลาย ๆ คนคงกำลังพักผ่อนกันอยู่ แต่บางคนก็อาจรู้สึกว่าเรียนมาตั้งนาน จู่ ๆ พอมาพักก็รู้สึกไม่ชิน อยากหาอะไรทำ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี วันนี้ผู้เขียนเลยจะมาเสนอกิจกรรมที่จะทำให้ปิดเทอมของน้อง ๆ มีความ productive ไปดูกันเลยยย!             1. เรียนภาษาจากสื่อบันเทิง             ช่วงเปิดเทอมคงมีน้อง ๆ หลายคนที่เรียนยุ่งมาก ไม่มีเวลาดูหนังฟังเพลงเลย หรือถึงได้ดูก็ต้องดูรีบ ๆ เร็ว ๆ เพื่อที่จะไปทำงาน ทำการบ้านต่อ แต่ตอนนี้ปิดเทอมแล้ว น้อง ๆ ก็สามารถดูหนัง ดูซีรีส์ให้ฉ่ำใจได้เลย แต่ถ้าใครรู้สึกว่าดูหนังอย่างเดียวไม่productiveเลย ก็ลองมาเรียนภาษาจากหนังดูก็ได้ โดยเราอาจประยุกต์วิธีเข้ากับวิธีการเรียนภาษาของ RM วงBTS ซึ่งก็คือการดูหนัง ดูซีรีส์ ทั้งหมด 3 รอบ โดยรอบแรกจะดูด้วยภาษาแม่ รอบที่ 2 ดูแล้วเปิดซับอังกฤษ รอบที่ 3 ดูไปเลยแบบไม่เปิดซับ โดยวิธีนี้แน่นอนว่าใช้ได้ไม่ใช่แค่กับหนังหรือซีรีส์ แต่ยังใช้ได้กับอนิเมะหรือวาไรตี้ก็ได้ เรียกได้ว่าได้ทั้งความบันเทิง ได้ทั้งความรู้ คุ้มสุด ๆ             2. หาคอร์สเรียนออนไลน์เพิ่ม             หลาย ๆ คนพอเห็นหัวข้อนี้คงแอบมองบน คิดว่าแค่นี้ก็เรียนออนไลน์ของที่โรงเรียนมามากพอแล้วใช่ไหม5555 แต่ผู้เขียนคิดว่าปิดเทอมก็เป็นโอกาสดีที่จะได้ลองเรียนอะไรที่เราอยากรู้ หรือไม่เคยเรียนมาก่อน โดยน้อง ๆ สามารถหาคอร์สเรียนออนไลน์ได้ทางเว็บ Coursera ซึ่งเมื่อเรียนแล้ว นอกจากจะได้รับความรู้แล้ว ยังได้รับใบ Certificate หรือใบรับรองด้วย หรือถ้าใครไม่คุ้นหรืออยากเรียนเป็นภาษาไทยก็มีคอร์สของSpace by CBS CHULA หรือก็คือคอร์สออนไลน์ระยะสั้นที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ เปิดสอนให้กับบุคคลภายนอก (อย่างผู้เขียนก็ได้ลงคอร์ส excel กับคอร์สการตลาดไป เพราะไม่มีโอกาสได้เรียนที่มหาวิทยาลัยสักที) นอกจากนี้น้อง ๆ สายวิทย์ก็อาจลองมาเรียนวิชาภาษาที่ 3 เพิ่ม หรือน้องสายศิลป์อาจลองเรียนวิชาของสายวิทย์ดูได้ โดยค้นหาจาก Clearnote ก็ได้ (ขออนุญาตขายของ555)             โดยการเรียนเพิ่มเติมในสิ่งที่เราอยากรู้หรือได้ลองผิดลองถูก ทำสิ่งใหม่ ๆ ก็จะเป็นตัวช่วยในการค้นหาตัวเอง ได้รู้ว่าจริง ๆ เราอยากเรียนต่อด้านนี้ สาขานี้ คณะนี้จริง ๆ หรือเปล่า มีอย่างอื่นที่ชอบมากกว่าไหม หรือได้รู้ว่าเราเรียนอะไรไปแล้วไม่มีความสุข ไม่อยากเรียน ก็จะได้เลี่ยงได้             3. เข้าคลาส Workshop             เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผ่อนคลายและสร้างแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างดี น้อง ๆ อาจหากิจกรรม…
Read More