Blog

บอกเล่าชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัยในโตเกียว

บอกเล่าชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัยในโตเกียว

Uncategorized, ข้อมูลเรียนต่อนอก, ชีวิตในญี่ปุ่น, ภาษาญี่ปุ่น, รีวิว, เรียนภาษาญี่ปุ่น
ชีวิตในญี่ปุ่น โดย Nina Patrick | 28 กุมภาพันธ์ 2019 https://www.vecteezy.com/free-vector/vector โดยสังเขป          ชีวิตในเมืองแสนคึกคักอย่างโตเกียวนั้นราวกับอยู่ท่ามกลางพายุแห่งแสงสีเสียงเลยทีเดียว แต่สมัยที่เราเป็นนักศึกษาที่ญี่ปุ่น เราก็ยังเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่ได้เร่งรีบตามวิถีชีวิตคนเมือง          ปัจจุบันโอกาสทางการศึกษาสำหรับผู้ที่อยากไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นนั้นเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เคย การก้าวเข้าไปเรียนในสภาพแวดล้อมใหม่ๆนั้นไม่ใช่เป้าหมายที่ยากเกินตัวอีกต่อไป! เพื่อนๆคงจินตนาการถึงความน่าตื่นตาตื่นใจของประเทศญี่ปุ่นได้ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ ทั้งเมืองต่างๆ, อาหารเลิศรส, เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และยังเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่กำลังเฟื่องฟูอีกด้วย ไม่ว่าผู้คนจากแดนใกล้ไกลก็ต้องเป็นอันหลงใหลในสิ่งเหล่านี้กันถ้วนหน้า หลายคนก็คงเคยแพ็คกระเป๋าไปสำรวจแดนญี่ปุ่นกันบ้างแล้ว แต่.. แต่ๆ นั่นเป็นเพียงการท่องเที่ยวเท่านั้น ซึ่งต่างจากชีวิตนักศึกษาที่ต้องอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่น ตอนที่เราเรียนอยู่ที่โตเกียว เราก็ยังใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ตัวเองที่ชอบความชิลๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงต้องทำกิจวัตรตามแบบฉบับนักศึกษาด้วย การเดินทาง การเดินทางด้วยรถไฟของคนญี่ปุ่น https://newswitch.jp/p/9581          ปกติเวลาจะไปไหนมาไหนเราจะนั่งรถไฟค่ะ ซึ่งสะดวกกว่าขับรถเองเยอะเลย เพราะไม่ต้องกังวลทั้งเรื่องที่จอด หรือเติมน้ำมัน ต่างๆนาๆ และเนื่องจากเรามีบัตรเดินทางสำหรับนักเรียน เลยได้ส่วนลดสำหรับการเดินทางมาเยอะเลย นักเรียนที่ญี่ปุ่นจะเดินทางไปโรงเรียนโดยใช้รถไฟเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะใช้บัตรสำหรับใช้บริการขนส่งสาธารณะในประเทศญี่ปุ่น หรือ teiki เป็นบัตรพิเศษ สามารถเลือกสมัครเป็นรายเดือน สามเดือน หรือหกเดือนได้ โดยเราสามารถนั่งจากสถานีที่เราอยู่ไปยังสถานีที่เรียนได้ในราคาถูกกว่า และสามารถลงสถานีระหว่างทางได้โดยไม่เสียเงินเพิ่ม และเราจะใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งภายในระยะเวลาที่เราสมัครไว้ หรือก็คือยิ่งใช้เยอะยิ่งคุ้มนั่นเอง ซึ่งช่วยประหยัดค่าเดินทางเป็นอย่างมาก          แต่การเดินทางด้วยรถไฟก็มีข้อเสียเช่นกัน การที่ต้องติดอยู่ในฝูงชนในชั่วโมงเร่งด่วนเป็นอะไรที่ทรหดเหลือเกิน TT เป็นเหตุการณ์ที่อึดอัดเกินบรรยายแบบไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตเลยค่ะ ซึ่งเราก็พยายามหลีกเลี่ยงทุกวิถีทาง ทั้งพยายามไปก่อนบ้าง หรือรอคนออกไปกันก่อนบ้าง  โดยปกติก็ไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่ แต่บางทีด้วยเวลาก็ทำให้เราเลี่ยงไม่ได้ และก็ต้องไปอัดกันเป็นปลากระป๋องในรถไฟตามระเบียบ.. แต่เราก็ยอมรับว่ามันก็เป็นประสบการณ์ส่วนหนึ่งในโตเกียวและก็ไม่ได้แย่ไปหมด อย่างเช่น ตอนได้ออกมาจากรถไฟที่แออัดเป็นปลากระป๋องแล้วสูดอากาศบริสุทธิ์ได้นี่คือสวรรค์ชัดๆ ! รถไฟที่แออัดในชั่วโมงเร่งด่วน https://www.bleapear.com/entry/crowded-train-stress การเข้าสังคม          การไปเที่ยวกับเพื่อนๆในเมือง นี่คือที่สุดเลยค่ะ สนุกมากก มีที่ให้เที่ยวไม่หวาดไม่ไหว โตเกียวคือที่ที่มีทุกอย่างเลย จะแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร คือเจอได้ทุกที่ ไม่ว่าจะบนตึกสูงๆ ใต้ดิน ตามถนน ตรอกซอกซอย คือมีให้เห็นทุกที่ ปกติเราจะชอบสุ่มไปลงสถานี แล้วเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยๆ ระหว่างทางพอเจอร้านน่านั่ง ก็จะเข้าไปนั่งดื่ม นั่งคุยกับเพื่อนชิลๆค่ะ เรากับเพื่อนเป็นสายชิล ก็เลยมักจะไปร้านอิซากายะ หรือ ร้านกินดื่มสไตล์ญี่ปุ่นนั่นเองค่ะ อาหารและเครื่องดื่มในร้านราคาไม่ค่อยแพง แต่คุณภาพดีเลยทีเดียว และด้วยบรรยากาศสบายๆของร้านอิซากายะ นั่งคุยกับเพื่อนคือเพลินมากก บรรยากาศร้านอิซากายะ https://r.gnavi.co.jp/k678708/equipment/seat/ แล้วก็อีกอย่างที่เรากับเพื่อนชอบกัน คือ  ฮุคคา หรือคนญี่ปุ่นเรียกว่า ชิชา (ยาสูบชนิดหนึ่ง) ที่ญี่ปุ่นมีฮุคคาเลาจ์ถูกๆเยอะมาก ฮุคคาเลาจ์ส่วนใหญ่จะมีบรรยากาศร้านและสถาปัตยกรรมที่เหย้ายวน ชวนหลงใหล การได้มาเอนหลังบนโซฟา ฟังเพลงไปพลาง จิบเครื่องดื่มไปพลาง ทำให้ผ่อนคลายจนลืมความวุ่นวายของเมืองใหญ่ที่เพิ่งผ่านมาเลยทีเดียว ผู้คนมาผ่อนคลายในฮุคคาเลาจ์ http://kemulog.com/report/1338/          ชีวิตความเป็นอยู่ที่ญี่ปุ่นต่างจากที่เราเคยชินในบ้านเกิดมาก แต่ปกติแล้วเราก็จะใช้เวลาเรียน ทำงาน เข้าสังคม กินนอน เหมือนกับนักศึกษาคนอื่นๆทั่วไป พอเวลาผ่านไปก็ปรับตัวได้และคุ้นชินกับวัฒนธรรม,ค่านิยมต่างๆของญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อย สำหรับใครที่อยากลองมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น รับประกันเลยว่าเพื่อนๆจะได้รับประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้จากประเทศญี่ปุ่นอย่างแน่นอน บทความนี้เขียนโดย Nina Patrick นีน่า แพทริค เกิดที่จังหวัดนารา,ประเทศญี่ปุ่น และใช้ชีวิตเติบโตที่สหรัฐอเมริกา หลังจากจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย…
Read More
กว่าจะเป็น “นิสชิน” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ้าแรกของโลก

กว่าจะเป็น “นิสชิน” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ้าแรกของโลก

รีวิว, อาหารและเครื่องดื่ม
สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคนน้า กลับมาพบกับแอดมิน S อีกแล้ว จากบทความก่อนหน้านี้ของแอด กว่าจะเป็นนิสิตอักษร แชร์ทุกกระบวนท่าเคล็ดลับสู่คณะที่ใฝ่ฝัน (แปะลิงก์สักหน่อยเผื่อมีเพื่อน ๆ สนใจ ☺) วันนี้แอดจะมาแบ่งปันเรื่องราวความน่าสนใจของ "นิสชิน" บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ้าแรกของโลก ผ่านรีวิวจากกิจกรรม "Nissin Ambassador" ที่กำลังจัดบนแอป Clear ในตอนนี้ เรื่องราวของ "นิสชิน" จะน่าสนใจขนาดไหน ถ้าพร้อมแล้วไปรับชมพร้อมกันเลย! (more…)
Read More
ประสบการณ์ที่ประทับใจในฤดูร้อนญี่ปุ่น

ประสบการณ์ที่ประทับใจในฤดูร้อนญี่ปุ่น

ข้อมูลเรียนต่อนอก, ภาษาญี่ปุ่น, เรียนภาษาญี่ปุ่น
ประสบการณ์ที่ประทับใจในฤดูร้อน ญี่ปุ่น โดย Roxane          คำเกริ่น           แม้ฤดูร้อนจะเป็นฤดูที่แดดร้อนระอุและมักมีแมลงออกมาคลานยั้วเยี้ย แต่ก็เป็นฤดูที่มีกิจกรรมสนุกสุดเหวี่ยงให้ทำมากมาย ถ้าน้อง ๆ คุณผู้อ่านได้ออกไปตะลุยเที่ยววันหยุดฤดูร้อนให้คุ้มเหมือนตอนที่ตะลุยทำแบบฝึกหัดในชั้นเรียนล่ะก็ เราเชื่อว่าน้อง ๆ จะได้ประสบการณ์ที่น่าจดจำอีกประสบการณ์หนึ่งในการมาเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างแน่นอน          ถ้าน้องคนไหนเคยมีประสบการณ์อยู่ที่เกาะฮนชู ประเทศญี่ปุ่นสักระยะ ก็คงจะรู้ว่าพอถึงฤดูร้อน ถึงคนญี่ปุ่นจะชอบบ่นร้อนอย่างนู้นอย่างนี้ แต่ทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตารอที่จะออกไปเที่ยวเล่นฉลองวันหยุดฤดูร้อนกันอย่างใจจดใจจ่อ แม้ตอนนี้ฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่นจะจบลงไปแล้ว แต่เรามาดูความทรงจำดี ๆ ในฤดูร้อนกันดีกว่า จะได้เอาไว้ใช้เตรียมตัวเพื่อให้ฤดูร้อนปีหน้าสนุกมากขึ้น (แกล้ง ๆ หลับหูหลับตา ไม่คิดถึงข้อเสียของฤดูร้อน เช่น อากาศที่ร้อนระอุเหมือนอยู่ในห้องซาวน่า หรือแมลงตัวใหญ่ยักษ์ที่ชอบออกมาคลานไปมาตามพื้น) ภาพหนึ่งในตัวอย่างของแมลงยักษ์ที่น่ากลัวมากกก เราเห็นแล้วช็อกไปเลย555 (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)           ตอนนี้น้อง ๆ ผู้อ่านยังเป็นนักเรียนกันอยู่ แน่นอนว่าน้อง ๆ ก็ยังมีโอกาสที่จะตะลุยเที่ยวผจญภัยไปทั่วประเทศญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่ ฤดูร้อนในประเทศญี่ปุ่นมีกิจกรรมที่อาจจะทำไม่ได้ถ้าเป็นฤดูอื่น ๆ เช่น ปีนเขา ตั้งแคมป์บนภูเขา หรือตะลุยกินอาหาร (ซึ่งจะราคาถูกกว่าฤดูอื่น ๆ และหาซื้อง่ายกว่าด้วย!) ถ้าน้อง ๆ เตรียมตัวไปดี ๆ และทำใจกับสภาพอากาศที่แปรปรวน แมลง หรือทัวร์นักท่องเที่ยวล้านแปดได้ รับรองว่าน้องจะได้รับประสบการณ์อันล้ำค่าในฤดูร้อนญี่ปุ่นกลับมาอย่างแน่นอน           ต่อไปนี้จะเป็นประสบการณ์ที่เราประทับใจในช่วงฤดูร้อนประเทศญี่ปุ่น:          สารพัดงานเทศกาลที่จัดขึ้นมากมายละลานตา           ในฤดูร้อนที่ประเทศญี่ปุ่น ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีงานเทศกาลให้ไปเที่ยวเล่นตอนวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะงานเทศกาลทุกประเภทที่เราจะนึกออก ตั้งแต่งานเทศกาลแบบดั้งเดิมหรือที่เรียกกันว่า夏祭り (Natsu Matsuri) ไปจนถึงงานเทศกาลเพลง ยันงานเทศกาลศิลปะ จะจัดขึ้นในช่วงนี้ เทศกาลคาชิวะ 2016 ถนนมักจะปิดให้คนเดินและเปิดร้านแผงลอย (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)           งานเทศกาลฤดูร้อนแบบดั้งเดิมจะจัดขึ้นในบางเมืองหรือบางเขต เช่น เทศกาลคาชิวะ หรือเทศกาลดอกไม้ไฟแม่น้ำซุมิดะ ซึ่งงานเทศกาลเหล่านี้มักจะมีร้านแผงลอยออกมาขายขนมและอาหารหลากหลายชนิด เช่น ทาโกะยากิ ยากิโซบะ นอกจากนี้ยังมีเกมให้น้อง ๆ เล่นเพื่อชิงรางวัลอีกด้วย ไฮไลท์ที่สำคัญของงานเทศกาลนี้ก็คือการแสดงโชว์ดอกไม้ไฟ เช่น โชว์ดอกไม้ไฟที่แม่น้ำซุมิดะที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียว ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังจนคนเดินทางจากต่างจังหวัดเข้ามาชม           งานเทศกาลอีกประเภทหนึ่งที่พลาดไม่ได้คืองานเทศกาลเพลงที่มักจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อน โดยงานเทศกาลเพลงใหญ่ ๆ เช่น งานเทศกาลFuji Rock เทศกาลSummer Sonic มักจะมีศิลปินชื่อดัง เช่น Kendrick Lamer Bob Dylan ฯลฯ มาแสดง แม้เราจะไม่ค่อยรู้เรื่องวงการเพลงมากเท่าไร แต่ก็แนะนำว่าให้ลองไปดูสักงาน ถึงน้องจะไม่อินดนตรี แต่ก็คุ้มที่จะไปลองหาประสบการณ์ในงานเทศกาลเพลงของญี่ปุ่น Anderson Paak ในงานเทศกาล Fuji Rock 2018 (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)           จากที่เราได้ไปงานเทศกาล Fuji Rock 2018 งานนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดในระยะเวลาที่เราอยู่ประเทศญี่ปุ่น แบบที่คิดว่าคงไม่มีวงไหนอีกแล้วที่จะทำให้น้อง ๆ เต้นได้มันสุดเหวี่ยงเท่าวง CHVCGES และวง…
Read More
5 วิธี เรียนภาษาญี่ปุ่นเองที่บ้าน

5 วิธี เรียนภาษาญี่ปุ่นเองที่บ้าน

GAT/PAT, Uncategorized, ข้อมูลเรียนต่อนอก, ภาษาญี่ปุ่น, เรียนภาษาญี่ปุ่น
5 วิธีเรียนภาษาญี่ปุ่นเองที่บ้าน โดย Jackie Bumgarner น้องๆ คือคนหนึ่งที่ไม่รู้จะเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นยังไงดีรึเปล่า? หรือก็เคยเรียนมาบ้าง แต่ไม่รู้จะพัฒนาภาษาญี่ปุ่นของตัวเอง ให้เก่งขึ้นไปอีกระดับยังไง? มาลองดูเทคนิคกับเคล็ดลับที่จะช่วยให้การเรียนภาษาญี่ปุ่น กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันกัน ประสบการณ์ของผู้เขียน: เราเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นตอนอยู่มัธยมปลาย โดยการเรียนวิชา ภาษาญี่ปุ่น1 ที่โรงเรียน (วิชาภาษาญี่ปุ่นระดับเริ่มต้น) เป็นการเรียนภาษาญี่ปุ่นคอร์สแรกและคอร์สเดียวจนกระทั่งตอนนี้ ความสามารถภาษาญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่มีมาจากการเรียนด้วยตัวเอง และการใช้ภาษาญี่ปุ่นในชีวิตจริงระหว่างไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นช่วงมัธยมปลายกับมหาวิทยาลัย เราเองไม่ได้คล่องภาษาญี่ปุ่นเลย เราพยายามรักษาสกิลภาษาญี่ปุ่นด้วยการใช้เทคนิคต่างๆ ช่วยให้ภาษาญี่ปุ่นกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน โดยการพยายามฝึกภาษาญี่ปุ่นทุกวัน จะได้ใช้สมองคิดเป็นภาษาญี่ปุ่น แล้วก็ยังพยายามพัฒนาตัวเองให้ใช้ภาษาได้หลากหลายขึ้นและเป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วย การเรียนภาษาญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเรา การเรียนภาษาใหม่เป็นเรื่องท้าทาย โดยเฉพาะถ้าเรามีหน้าที่อื่นๆ ที่ต้องทำ อย่างการทำงานหรือการเรียน  ต่อไปจะขอแนะนำเทคนิคเล็กๆ น้อย ที่น้องๆ สามารถเอาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพื่อให้การเรียนภาษาใหม่เป็นเรื่องง่ายขึ้นและรู้สึกฝืนน้อยลง 5 วิธี ในการเรียนภาษาปุ่นเองที่บ้าน 1.ติดโน้ตไว้ที่สิ่งของในห้องหรือในบ้าน เราคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีมากในการดึงภาษามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเวลาอยู่บ้าน เราเอาโพสต์อิทแปะไว้ที่สิ่งของภายในบ้านแล้วเขียนชื่อภาษาญี่ปุ่นของสิ่งของนั้นไว้ วิธีนี้ทำให้เราต้องเจอภาษาญี่ปุ่นในทุกที่ของบ้าน ถ้าน้องๆ จำชื่อสิ่งของต่างๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นได้ดีขึ้นแล้ว ลองพูดชื่อของเป็นภาษาญี่ปุ่นดังๆ เวลาที่หยิบมาใช้ ก็จะช่วยให้ตัวเราคุ้นกับชื่อภาษาญี่ปุ่นของสิ่งของต่างๆ ที่ใช้ในบ้านทุกๆ วัน 2.หาวิธีพูดภาษาญี่ปุ่นออกมาดังๆ เวลามีโอกาส หลายๆ คนตอนอ่านหนังสือภาษาญี่ปุ่น อาจจะไม่เคยออกเสียงคำตอนอ่านเลย แต่การพูดหรืออ่านออกเสียงเป็นกุญแจสำคัญมากๆ ในการเรียนภาษาใหม่ และน้องๆ จะต้องฝึกเท่านั้น ถึงจะพูดได้คล่องขึ้น เพราะฉะนั้นเวลาที่อ่านหนังสือ เราก็ต้องพูดทุกคำทุกประโยค ให้ตัวเราได้ชินกับการพูดภาษาญี่ปุ่น 3.หาคนคุยภาษาญี่ปุ่นด้วย ขั้นตอนต่อไปที่จะทำให้น้องๆ ชินกับการพูดภาษาญี่ปุ่น คือการฝึกพูดกับคนอื่น การฝึกพูดกับคนอื่นจะช่วยให้น้องๆ ชินกับการพูดกับคนจริงๆ อย่างเป็นธรรมชาติ วิธีนี้จะช่วยให้น้องๆ คุ้นชินกับบทสนทนาเร็วขึ้นกว่าการอ่านหนังสือคนเดียว 4.อ่านหนังสือที่เคยอ่านแล้ว เป็นฉบับภาษาญี่ปุ่น เทคนิคนี้จะได้ผลดีขึ้น ถ้าน้องๆ คุ้นกับตัวฮิรางานะ คาตาคานะ แล้วก็ตัวอักษรคันจิบ้างแล้ว เริ่มด้วยการเลือกหนังสือที่คุ้นเคยอยู่แล้ว เคยอ่านแล้วในฉบับภาษาแม่หรือภาษาที่เราคล่อง เป็นพวกหนังสือนิทานเด็กอะไรแบบนี้ก็ดี ตอนที่เราลองวิธีนี้ เราอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์เล่มแรก ลองอ่านฉบับภาษาญี่ปุ่นหน้าแรกดู แล้วก็เขียนเนื้อหาทั้งหน้าลงสมุด เพื่อแปลเป็นภาษาของเราเอง เราว่ามันสนุกดีเพราะเราชอบอ่านหนังสือ แถมวิธีนี้เราหาข้อแตกต่างระหว่างฉบับภาษาญี่ปุ่นกับฉบับภาษาอื่นได้ด้วย 5.หมั่นทบทวน ทวนแล้วก็ทวนอีก ภาษาของเราจะไม่ดีขึ้นเลย ถ้าเราไม่ฝึกฝนสิ่งที่เรียนมาซ้ำๆ จนกว่าจะสามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นได้ดี ที่สำคัญคือ เราจะต้องไม่ยอมแพ้แล้วก็พยายามฝึกทุกวัน ถึงจะวันละ 5 นาที 10 นาทีก็ตาม น้องๆ จะเริ่มเห็นการพัฒนาของตัวเองถึงจะใช้เวลาบ้างก็ตาม แต่ก็จงอดทนแล้วพยายามเรียนทุกๆวัน ขอให้โชคดีจ้า หนังสือและแอปที่ช่วยในการเรียนภาษา Youtube ดูวิดิโอภาษาญี่ปุ่นใน Youtube เพราะการได้ยินคำต่างๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นแล้วลองพูดตามให้ตัวเองฟังก็ช่วยได้เยอะเลย รายการสัมภาษณ์ชาวญี่ปุ่นที่มีซับภาษาอังกฤษและตัวอักษรโรมาจิสำหรับคนเรียนภาษาญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ออกเสียงตามซับได้เลย ดูคลิปอื่นๆ ได้ที่: https://www.youtube.com/user/magauchsein Duolingo ดูรายละเอียดแอปฯ และดาวน์โหลดได้ที่: https://www.duolingo.com/ แอปฯ Duolingo เป็นแอปฯที่ทำให้เราเรียนภาษาผ่านโทรศัพท์ได้ เป็นแอปฯ ฟรีแล้วก็มีประโยชน์มากๆ ใช้เวลาเรียนแต่ละบทไม่นาน แถมเรียนตอนที่กำลังเดินทางอยู่ได้ด้วย หนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่น…
Read More
กว่าจะเป็นนิสิตอักษร แชร์ทุกกระบวนท่าเคล็ดลับสู่คณะที่ใฝ่ฝัน

กว่าจะเป็นนิสิตอักษร แชร์ทุกกระบวนท่าเคล็ดลับสู่คณะที่ใฝ่ฝัน

9วิชาสามัญ, English, GAT/PAT, O-NET, TCAS, รีวิวคณะในฝัน
สวัสดีจ้าน้อง ๆ ทุกคน ขอแนะนำตัวสักหน่อยพี่ชื่อแอดมิน S น้า เชื่อว่า อักษร เป็น 1 ในคณะที่น้อง ๆ ทั้งสายวิทย์ และสายศิลป์ต่างใฝ่ฝันอยากจะเข้าไปเรียน วันนี้แอดเลยจะพาไปสัมภาษณ์รุ่นพี่จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่ามีเคล็ดลับ หรือวิธีการเตรียมตัวในการพิชิตคณะในฝันอย่างไรกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้วเราไปทำความรู้จักกับพี่เขาเลยดีกว่า! 1. แนะนำตัวหน่อยจ้า สวัสดีจ้าเราชื่อแพรว เป็นเด็ก 60 ปัจจุบันเพิ่งจบจาก คณะอักษรจุฬา เอกภาษาอังกฤษ โทภาษาจีนจ้า 2. ทำไมถึงอยากเข้า อักษร เริ่มรู้ตัวเองว่าอยากเข้าตั้งแต่เมื่อไหร่? ขอบอกก่อนเลยว่าจริงๆแล้วเราไม่ค่อยถูกกับวิชาเลขหรือคณิตมาตั้งแต่ต้นแล้วเลยเลือกที่จะเรียนสายศิลป์มาตั้งแต่ตอนมปลาย และก็เริ่มลองหาว่าตัวเองชอบอะไรตั้งแต่ช่วงม. 4 เลยคือลองไปเข้าค่ายเยอะมากๆ ตอนแรกๆนึกว่าตัวเองจะชอบเรียนกฎหมายนะแต่ว่าพอเหมือนเรารู้ว่าถ้าจะเรียนต่อในสาขานี้ จริงๆอาจจะไม่ค่อยสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์เราเท่าไหร่ เลย รอไปงาน open house ของจุฬาฯดูแล้วก็ได้เห็นว่าคณะอักษรได้เรียนอะไรบ้างเลยรู้สึกคลิกกับคณะนี้มากๆ  บรรยากาศงาน Open House อักษร จุฬา 3. เริ่มเตรียมตัวตั้งแต่เมื่อไหร่? เริ่มเตรียมตัววางแผนอนาคตการสอบเข้าตั้งแต่ม 5 เทอม 2 เลยค่ะ จะเรียกว่าเตรียมตัวได้ไหมนะจริง ๆ แค่ เริ่มฝึกท่องศัพท์เฉย ๆ อ่ะค่ะ ฮ่าๆๆ 4. มีเคล็ดลับในการเตรียมสอบเข้า อักษร ยังไงบ้าง? เคล็ดลับในการเตรียมสอบของเราหลัก ๆ เลยคือเรื่องของวินัยค่ะอย่างแรกเลยเพราะหลังจากเราวางแผนเสร็จแล้วคือมันเป็นเรื่องง่ายมาก ๆ ที่แผนของเราจะล่มภายในไม่กี่อาทิตย์ เราเริ่มพยายามสร้างวินัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะคือ การเอาขนมไปแทรกไว้ตรงหน้าหนังสือที่เราตั้งไว้ว่าเป็นเป้าหมายว่าจะต้องอ่านไปให้ถึงให้ได้พอเราเห็นขนมเป็นรูปเป็นร่างกำลังรอคอยเราอยู่ในหน้าหนังสือที่เป็นเป้าหมายนั้นไม่ว่ายังไงเราก็ต้องอ่านหนังสือให้ไปถึงเป้าหมายในแต่ละวันของเราค่ะ แต่ก็จะมีข้อเสียอยู่อย่างนึงนะคะก็คือว่ากว่าจะอ่านจนหมดเล่มก็น้ำหนักขึ้นไปหลายโลแล้วค่ะ ฮ่าๆ 😂 แต่วิธีนี้ได้ผลกับเรามากๆจนสามารถอ่านหนังสือตามเป้าหมายได้ไปหลายเล่มเลย ถ้าน้องหรือเพื่อนๆคนไหนสนใจก็สามารถนำไปใช้กันได้นะคะ ไม่หวงค่ะ! และที่สำคัญเลยที่เราอยากจะแชร์ก็คือเราสอบเข้าอักษรจุฬามาโดยอ่านโน้ตจากในแอป Clear เนี่ยแหละค่ะ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าส่วนตัวเรียนสายศิลป์ภาษาเยอรมันมาแต่เนื่องจากคะแนน PAT ภาษาเยอรมันนั้นฝืดเสียเหลือเกินเลยเปลี่ยนใจมาสอบเป็น PAT ภาษาญี่ปุ่นแทนค่ะ ที่นี้ก็เลยต้องหาความรู้เพิ่มเติมจากการอ่านโน้ตของเพื่อนในแอป Clear นี่แหละค่ะ และจะบอกว่ามันช่วยได้จริงๆนะคะเพราะว่าเมื่ออ่านโน้ตของเพื่อนๆหลายๆคนแล้วแต่ละคนก็เหมือนมาแชร์ในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อนแล้วเราพอเราอ่านไปหลายๆเล่มก็ทำให้เรามีชุดความรู้ในหัวที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์สามารถสอบได้เลยค่ะ! ที่นี้สำหรับน้องที่อยากเข้าอักษรโดยเฉพาะเลย เราขอเน้นย้ำว่าคะแนนภาษาอังกฤษ คะแนนสังคม ภาษาไทยและคะแนนในส่วนของ PATภาษาต่างประเทศนั้นสำคัญมาก ๆ ค่ะ และสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราในการอ่านวิชาพวกนี้ก็คือการเก็บเนื้อหาให้ได้มากๆค่ะไม่ว่าจะเป็นทางด้านความรู้รอบตัวหรือว่าทางด้านคำศัพท์มันเป็นสิ่งที่เราจะต้องทยอยอ่านไปเรื่อย ๆ บางทีก็จะรู้สึกว่าเก็บเท่าไหร่ก็เก็บไม่หมด เลยจะแอบมากระซิบว่าอย่าเพิ่งหมดกำลังใจไปก่อนจะเก็บเนื้อหาหมดนะคะ! 5. เคยเหนื่อย หรือท้อบ้างมั้ย จัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไง? ถ้าถามว่าเคยเหนื่อย หรือเคยท้อบ้างไหมขอบอกเลยว่าก็จะมีความคิดแบบนี้แว็บเข้ามาในหัวบ่อยๆตอนที่อ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ หรือว่าต้องแบกรับภาระหน้าที่อะไรหลายๆอย่างไปในเวลาเดียวกัน จริงๆส่วนใหญ่ช่วงเวลาแบบนั้นขึ้นก็จะเลือกที่จะคุยกับเพื่อนเยอะๆเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกดาวน์ไปมากกว่านี้ เรารู้สึกว่าการเปิดใจคุยกับใครสักคนไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ตัวเพื่อนหรือครอบครัวมันจะทำให้เรารู้สึกโล่งและก็ทำให้เราถอยหลังออกมาจากปัญหา มามองปัญหาในภาพรวมกว้างๆมากขึ้น ทำให้เราไม่หมกมุ่นจนเสียสุขภาพจิตจนเกินไปค่ะ นอกจากนี้เองเราก็อาจจะหันไปหาที่พึ่งทางใจคือการทำงานอดิเรกหรือว่าหาสิ่งที่เราชอบ ยกตัวอย่างเช่นในกรณีของเรา เราก็จะชอบดูพวกอนิเมะและอ่านมังงะมาก ๆ เราก็พยายามทำสิ่งนั้นเพื่อทำให้ฮอร์โมนแห่งความสุขหลั่งออกมาเยอะๆค่ะ อ่ะ พอพูดถึงฮอร์โมนแห่งความสุขจะบอกว่าช่วงม. 6 นอกจากอ่านหนังสือแล้ว เราก็แบ่งเวลามาตีแบตกับเพื่อนด้วยค่ะ ช่วงเวลาหลังจากออกกำลังกายก็จะรู้สึกสดชื่นขึ้นนะคะ ถือเป็นการได้พักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจเลยค่ะ! 6.…
Read More
3 เมคอัพยอดฮิต สำหรับสาว ๆ มัธยม

3 เมคอัพยอดฮิต สำหรับสาว ๆ มัธยม

สุขภาพและความงาม, แบบสอบถาม ออนไลน์
สวัสดีค่ะ หลังจากในบทความที่แล้วเราได้พาทุกคนไปสำรวจกันว่า สาว ๆ มัธยมนิยมใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์แบบไหนกันบ้างแล้วนะคะ สำหรับในบทความนี้เองนะคะก็ยังไม่พ้นในเรื่องของความสวยความงามค่ะเพราะในบทความนี้เราจะพาคนไปดูกันเขาว่าจากการทำแบบสอบถามออนไลน์ในหมู่ผู้ใช้ Clear ทุก ๆ คนมีไอเทมเมคอัพสำหรับแต่งหน้ายังไงกันบ้าง แล้วแต่ละคนมีลักษณะในการเลือกเครื่องสำอางอย่างไรกันบ้างไปดูกันเลยค่ะ ความสนใจในการแต่งหน้าของสาว ๆ โดยหลังจากที่เราได้ปล่อยชุดแบบสอบถามออนไลน์เกี่ยวกับการใช้เครื่องสำอางในมือน้อง ๆ มัธยมก็พบว่ากว่าร้อยละ 70 มีความสนใจในเรื่องการแต่งหน้า ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยนะคะเพราะว่า เชื่อว่าการแต่งหน้านั้นเป็นการลงทุนระยะยาวค่ะ! ใครที่เรียนรู้ศาสตร์นี้ได้ก่อนก็จะยิ่งได้เปรียบกว่าเพื่อน ๆ นะคะ ฮ่า ๆ   เริ่มแต่งหน้ากันตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? ซึ่งจริง ๆ แล้วก็จะนำเรามาสู่แบบสอบถามออนไลน์ในข้อถัดมาที่มีข้อมูลระบุว่าน้อง ๆ มากกว่า 27% เริ่ม ใช้เครื่องสำอางตั้งแต่อยู่ชั้นระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 และจากนั้นก็เริ่มใช้ในระดับชั้นมัธยมที่ 3 และระดับชั้นมัธยมปีที่ 2 ลดหลั่นกันไปตามลำดับค่ะ ซึ่งรวมรวมแล้วเราก็จะเห็นว่ามากกว่าครึ่งของสาวมัธยมเลือกที่จะใช้เมคอัพการตั้งแต่อยู่ในระดับชั้นมัธยมต้นนัดกันเลยนะคะเนี่ย ปัญหาผิวของสาว ๆ มีอะไรกันบ้าง ทีนี้เราไปดูกันเขาว่าปัญหาผิวส่วนใหญ่ที่สาว ๆ มีความกังวลจะเป็นเรื่องอะไรบ้างโดยจากผลของแบบสำรวจออนไลน์ที่เราได้มาแทบจะไม่น่าตกใจเลยนะคะเพราะว่ากว่า 80% มีความกังวลใจในเรื่องปัญหา "สิว" ค่ะ จากนั้นปัญหาที่รองลงมาก็จะเป็นเรื่องผิวมัน และขอบตาคล้ำค่ะ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เป็นปัญหาปกติที่พบได้ในสภาพผิวของสาว ๆ ที่เริ่มมีฮอร์โมนกันนะคะ เพราะเรื่องหน้ามันเนี่ยก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฮอร์โมนจริง ๆ และนอกจากนี้ปัญหาเรื่องขอบตาดำก็สามารถพบเจอได้ทั่วไปในหมู่ผู้ที่พักผ่อนน้อยหรืออ่านหนังสือหนัก ๆ ด้วยค่ะ เรียกได้ว่าต้องเห็นใจน้อง ๆ  ชั้นมัธยมเหมือนกันนะคะเนี่ยนอกจากจะมีเรื่องกลุ้มใจในด้านการเรียนแล้วยังต้องแบ่งเวลามาดูแลสุขภาพผิวกันอีกด้วยค่ะ 3 ไอเทมลับ ฉบับสาวมัธยม!? ทีนี้เราก็จะมาเข้าสู่ช่วงไฮต์ไลต์ของบทความเหมือนกันแล้วนะคะซึ่งก็คือ การจัดลำดับ 3 ไอเทมสำหรับ สาว ๆ ชั้นมัธยมในการเลือก เมคอัพสำหรับการแต่งหน้าไปโรงเรียนแล้วค่ะขอบอกก่อนเลยนะคะว่า จริง ๆ แล้วน้องเนี่ยค่อนข้างจะมีไอเทมที่แตกต่างและหลากหลายกันออกไปขึ้นอยู่กับจำนวนงบประมาณและความชอบของแต่ละคนนะคะแต่ที่เราคัดเลือกกันมาใน 3 ลำดับเครื่องสำอางกันในวันนี้ก็จะเป็นแบรนด์ที่มีน้องแนะนำกันเข้ามาบ่อย ๆ ค่ะ และสำหรับ 3 เมคอัพที่ได้รับความนิยมในหมู่สาว ๆ ชั้นมัธยมก็จะมีดังนี้เลยนะคะ ชื่อสินค้า sis2sis Lip & Cheek Creamy Tint รายละเอียด ทินท์สำหรับแก้มและริมฝีปากในรูปแบบซอง จากซิสทูซิส เนื้อครีม สัมผัสนุ่ม ไม่หนักริมฝีปาก สีสันติดทนนาน มอบความสดใสเป็นธรรมชาติ สะดวกต่อการพกพา ซื้อทางออนไลน์ได้ ที่นี่ ชื่อสินค้า Glow Tint Lip Balm รายละเอียด ลิปบาล์มให้ความชุ่มชื่นและสีสันสดใสแก่ริมฝีปาก ลิปบาล์มเนื้อนุ่มให้ความชุ่มชื่นแก่ริมฝีปากตลอดทั้งวัน ให้สีสันสดใสและสวยงาม ซื้อทางออนไลน์ได้ ที่นี่ ชื่อสินค้า ทรานส์ลูเซนท์ พาวเดอร์ รายละเอียด แป้งฝุ่นโปร่งแสงเนื้อละเอียดและบางเบา ด้วยความโปร่งแสงของเนื้อแป้ง ทำให้ใช้ได้กับทุกโทนสีผิว ช่วยเซ็ตรองพื้นให้อยู่ตัวและไม่ทำให้สีรองพื้นเปลี่ยน ซื้อทางออนไลน์ได้ ที่นี่ งบเมคอัพต่อเดือน ทีนี้พอเราได้ไม่เห็นกันแล้วว่าไอเทมหลายอย่างล้วนมีราคาที่จับต้องได้สำหรับสาว…
Read More
พาชม!! เทรนด์การดูแลผิว และปัญหาสุขภาพผิวยอดฮิตในหมู่นักเรียน

พาชม!! เทรนด์การดูแลผิว และปัญหาสุขภาพผิวยอดฮิตในหมู่นักเรียน

สุขภาพและความงาม, แบบสอบถาม ออนไลน์
สวัสดีค่ะทุกคน หลังจากที่เราพาไปเจาะลึกกันเรื่อง เรียนต่อต่างประเทศ กันในบทความที่แล้ว ในบทความนี้นะคะ เราจะกลับมาพบกันใหม่กับบทความที่เกี่ยวเนื่องกับผลสำรวจออนไลน์เรื่องความสนใจในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ในหมู่ผู้ใช้ Clear กันนะคะสำหรับในบทความนี้จะเป็นบทความที่เกี่ยวข้องกับการ ดูแลผิวพรรณและ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ยอดนิยมที่เหล่าสาวมัธยมให้ความไว้วางใจกันนะคะ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ดังกล่าวจะเป็นอย่างไรบ้างเดี๋ยวเราจะพากันไปดูในบทความนี้กันเลยค่ะ ความสนใจในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ แต่ก่อนอื่นเราขอบอกก่อนเลยนะคะว่าสำหรับผู้ใช้งานแอป Clear เนี้ย กว่า 90% เป็นผู้ที่สนใจในการใช้สกินแคร์ค่ะซึ่งถือว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ที่เยอะมาก ๆ แต่ก็ไม่แน่แปลกใจเลยนะคะเพราะว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ในแอปของเราก็ล้วนเป็นสาว ๆ วัยมัธยมกันทั้งนั้นจะมีความสนใจในเรื่องผลิตภัณฑ์สกินแคร์บ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรค่ะ เพื่อน ๆ เริ่มใช้สกินแคร์กันตั้งแต่เมื่อไหร่นะ แต่ผลลัพธ์ที่น่าตกใจอีกอย่างนึงเลยก็คือน้อง ๆ กว่า 50 เปอร์เซ็นต์เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์การตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมที่ 1 ค่ะซึ่งก็คือเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์กันตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียนมัธยมเลยนะคะเนี่ย และจากนั้นก็เริ่มใช้ในระดับชั้นมัธยมที่ 2 และ 3 ลดหลั่นกันมาตามลำดับเลยนะคะ จากข้อมูลดังกล่าวเนี่ยเรียกได้ว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาเลยที่สาว ๆ วัยแรกรุ่นนั้นจะเริ่มดูแลสุขภาพผิวกันค่ะ ปัญหาเรื่องผิวที่ต้องพึ่งสกินแคร์!? ทีนี้เราไปดูกันเขาว่าปัญหาผิวส่วนใหญ่ที่สาว ๆ มีความกังวลจะเป็นเรื่องอะไรบ้างโดยจากผลของแบบสำรวจออนไลน์ที่เราได้มาแทบจะไม่น่าตกใจเลยนะคะเพราะว่ากว่า 80% มีความกังวลใจในเรื่องปัญหา "สิว" ค่ะ จากนั้นปัญหาที่รองลงมา ก็จะเป็นเรื่องผิวมัน และขอบตาคล้ำค่ะ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เป็นปัญหาปกติที่พบได้ในสภาพผิวของสาว ๆ ที่เริ่มมีฮอร์โมนกันนะคะ เพราะเรื่องหน้ามันเนี่ยก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฮอร์โมนจริง ๆ และนอกจากนี้ปัญหาเรื่องขอบตาดำก็สามารถพบเจอได้ทั่วไปในหมู่ผู้ที่พักผ่อนน้อยหรืออ่านหนังสือหนัก ๆ ด้วยค่ะ ไอเทมสกินแคร์สุดฮอตสำหรับสาว ๆ !! และแน่นอนว่าในการที่น้อง ๆ จะกำจัดเจ้าสิวตัวร้ายและความมันออกไปจากบนใบหน้า น้อง ๆ ก็จะต้องมีตัวช่วยสำคัญในการทำความสะอาดใบหน้าใช่ไหมล่ะคะในการสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ในการดูแลศูนย์หน้าของน้อง ๆ ก็พบว่าส่วนมากจะให้ความสำคัญเรื่องผลิตภัณฑ์ล้างหน้าค่ะ โดยผลิตภัณฑ์สกินแคร์ 3 ชนิดที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่ผู้ใช้แอพพลิเคชั่น Clear ของเรานะคะก็จะมีดังนี้เลยค่ะ ชื่อสินค้า Smooth E Babyface Gel รายละเอียด เจลไม่มีฟอง สำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย และเป็นสิวง่ายอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองแพทย์ผิวหนังแนะนำให้ใช้ ซื้อทางออนไลน์ได้ ที่นี่ ชื่อสินค้า Innisfree Bija Trouble Facial Foam รายละเอียด สะอาด ไร้สิว กับคลีนซิ่งโฟมบีจาเนื้อเนียนนุ่ม จากอินนิสฟรี ช่วยทำความสะอาดใบหน้าได้อย่างหมดจด และปลอบประโลมผิวสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว ซื้อทางออนไลน์ได้ ที่นี่ ชื่อสินค้า Multi Deep-Clean Cleanser รายละเอียด คลีนเซอร์ที่ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก ด้วยประสิทธิภาพของส่วนประกอบสำคัญ อาทิ เอนไซน์ปาเปน สารสกัดจากผลบลูเบอร์รี่ ช่วยทำความสะอาดเมกอัพ ครีมกันแดด และมลภาวะที่เกาะติดผิว เผยผิวสะอาด กระจ่างใส อย่างมีสุขภาพดี ซื้อทางออนไลน์ได้ ที่นี่ งบสำหรับสกินแคร์ต่อเดือน และเมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์สกินแคร์ หลาย ๆ คนก็อาจจะคิดว่า อย่างนี้จะต้องมีค่าใช้จ่ายรายเดือนเป็นประจำแน่…
Read More
น้อง ๆ มัธยมอยากไปศึกษาต่อต่างประเทศประเทศที่ไหนกันบ้าง!? ไปดูโพลกัน!

น้อง ๆ มัธยมอยากไปศึกษาต่อต่างประเทศประเทศที่ไหนกันบ้าง!? ไปดูโพลกัน!

ข้อมูลเรียนต่อนอก, แบบสอบถาม ออนไลน์
ขอแชร์ ! ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสนใจของนักเรียนมัธยมเกี่ยวกับการศึกษาต่อต่างประเทศ สวัสดีค่ะทุกคน! เชื่อว่าหลาย ๆ คนตอนนี้คงเบื่อโควิดและอยากจะออกไปใช้ชีวิตให้สมใจที่ต่างประเทศ บางคนก็วางแผนศึกษาต่อต่างประเทศ หรือหาโครงการเรียนต่อต่างประเทศอยู่ วันนี้ทาง แอปพลิเคชัน Clear ของเราเลยอยากนำผลของแบบสอบถามออนไลน์ที่น่าสนใจมาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ได้รู้ถึงข้อมูล แนวโน้ม ความสนใจของเหล่านักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายต่อการศึกษาต่อต่างประเทศกันค่ะ กลุ่มผู้ทำแบบสอบถามในชุดนี้ ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูกันเลยค่ะ โดยผลแบบสอบถามออนไลน์ที่เราจะนำมาเสนอกันในวันนี้นะคะ เป็นวิจัยแบบสอบถามออนไลน์ในเรื่องความสนใจในการศึกษาต่อต่างประเทศของน้อง ๆ  ผู้ใช้แอพพลิเคชั่นเคลียร์ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลาย รวมไปถึงนักศึกษาระดับอุดมศึกษาโดยในแบบสอบถามออนไลน์ดังกล่าวนี้มีผู้ที่เข้ามาตอบแบบสอบถามทั้งหมด 698 คนแบ่งออกตามช่วงระดับชั้นได้ดังนี้ ระดับชั้นการศึกษา แผนภูมิแสดงสัดส่วนจำนวนผู้ร่วมตอบแบบสอบถามออนไลน์แบ่งตามระดับการศึกษา มัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 52 คน มัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 85 คน มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 118 คน มัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 114 คน มัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 96 คน มัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 89 คน และผู้ร่วมตอบแบบสอบถามที่เหลือคือผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นอุดมศึกษาค่ะ ความสนใจของนักเรียนต่อการศึกษาต่อต่างประเทศ เมื่อเรารู้กลุ่ม อายุของผู้เข้าร่วมการวิจัยแบบสอบถามออนไลน์นี้แล้วเรามาดูความสนใจของ น้อง ๆ ที่ร่วมตอบแบบสอบถามกันเลยค่ะ ผู้ที่ตอบแบบสอบถามกว่า 90% ให้ข้อมูลว่าพวกเขาต่างสนใจที่จะศึกษาต่อต่างประเทศ ซึ่งก็คือราว 480 คนนั้นอยากกำลังมองหาโครงการเรียนต่อต่างประเทศที่น่าสนใจขณะที่ราว 10% หรือประมาณ 60 คนนั้นรู้สึกเฉย ๆ กับการศึกษาต่อต่างประเทศและที่เหลืออีกประมาณ 10 กว่าคนที่ร่วมตอบแบบสอบถามนี้บอกว่าพวกเขาไม่ค่อยสนใจที่จะศึกษาต่อต่างประเทศแต่จากผลของแบบสอบถามดังกล่าวก็แสดงให้เห็นว่าในจำนวนของนักเรียน 698 คนนั้นไม่มีใครเลยที่ "ไม่สนใจ" การศึกษาต่อต่างประเทศค่ะ หรือกล่าวโดยง่าย ๆ ก็คือนักเรียนทุกคนที่ร่วมตอบแบบสอบถามนี้ทุกคนต่างมีความสนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อการศึกษาต่อต่างประเทศอยู่แล้วนั่นเองค่ะ! แผนภูมิแสดงสัดส่วนความสนใจการศึกษาต่อต่างประเทศ ประเทศในฝันของเหล่านักเรียน แล้วทีนี้เพื่อน ๆ ที่อยากจะไปศึกษาต่อต่างประเทศนั้นเขาสนใจจะไปเรียนต่อกันที่ไหนหรือมีการเตรียมตัวยังไงกันบ้างไปดูกันเลยค่ะ กราฟแสดงอัตราเฉลี่ยของประเทศที่นักเรียนต้องการไปศึกษาต่อ ผลจากแบบทดสอบออนไลน์ที่เราได้ให้น้อง ๆ ได้ทำการนะคะแสดงผลออกมาว่าประเทศอันดับหนึ่งในใจของใครหลาย ๆ คนเลยก็คือสหรัฐอเมริกานั้นเองค่ะเพราะมีน้อง ๆ ตอบกันเข้ามาว่าอยากที่จะไปศึกษาต่อที่นี่กว่า 60% หรือก็คือประมาณ 300 คนนั่นเองค่ะ ทีนี้ประเทศที่ได้รับความนิยมรองลงที่น้อง ๆ มักจะหาโครงการเรียนต่อต่างประเทศมาก็จะ ได้แก่ ประเทศอังกฤษ ประเทศเกาหลีใต้ ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศจีน ประเทศแคนาดา ประเทศออสเตรเลีย ประเทศญี่ปุ่น ประเทศฝรั่งเศส เยอรมนีและอิตาลีตามลำดับเลยค่ะ จะเห็นว่าน้อง ๆ หลายคนล้วนมีความสนใจในการไปศึกษาต่อต่างประเทศอย่างไรกันมาก ๆ เลยนะคะไม่ว่าจะเป็นทวีปทางฝั่งยุโรปหรือทางเอเชียเองก็ได้รับความนิยมพอ ๆ กันเลยค่ะ นอกจากนี้เองเราก็ได้ถามเพิ่มเติมกับน้อง ๆ ไปอีกเขาว่า…
Read More
บันทึกประสบการณ์นิสิตแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น – ม.ริคเคียว

บันทึกประสบการณ์นิสิตแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น – ม.ริคเคียว

ข้อมูลเรียนต่อนอก
น้อง ๆ คนไหนที่กำลังสนใจ หรือวางแผนจะไปเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศ แนะนำให้อ่านเรื่องราวประสบการณ์การเป็นนิสิตแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นจากพี่นาร่าเลย ! อ่านบทความนี้แล้วสนใจเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนกันมั้ยเอ่ย? โปรไฟล์ ชื่อเล่น:นาร่าปีที่ไปแลกเปลี่ยน : 2019 - 2020ประเทศที่ไปแลกเปลี่ยน: ญี่ปุ่นเมือง: โตเกียวมหาวิทยาลัย: Rikkyo Universityช่วงระยะเวลา: 2019/9 - 2020/8  ก่อนไปแลกเปลี่ยน ทำไมถึงตัดสินใจไปแลกเปลี่ยน? เนื่องจากมีความฝันตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วค่ะว่าอยากไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะชอบเครื่องแบบนักเรียน ตัวโรงเรียน และพวกเรื่องชมรมต่าง ๆ ของญี่ปุ่น แต่หากไปแลกเปลี่ยนช่วงมัธยม ค่าใช้จ่ายในการไปแลกเปลี่ยนนั้นค่อนข้างสูง ทำให้ต้องล้มเลิกไป แต่เมื่อได้เข้าเรียนเอกญี่ปุ่น นิสิตส่วนใหญ่ก็ไปแลกเปลี่ยนกันช่วงประมาณหลังจบปี 3 เพื่อพัฒนาความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นของตัวเอง บวกกับเพื่อหาประสบการณ์ต่างประเทศ เพราะอยู่ในประเทศไทยไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดหรือได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นมากเท่าไรนัก และคิดว่าถ้าไปอยู่ญี่ปุ่นสักพักหนึ่งน่าจะได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นแทบทั้งวันและทุกวัน ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนา จึงตัดสินใจไปแลกเปลี่ยนค่ะ ทำไมถึงเลือกไปแลกเปลี่ยนที่ Rikkyo University? เหตุผลแรกที่มหาวิทยาลัยริคเคียวเนื่องจากตัวแคมปัสของมหาวิทยาลัยสวยค่ะ แคมปัสของมหาวิทยาลัยมีสองที่คือที่อิเคะบุคุโระ (โตเกียว) และนีซ่า (ไซตามะ) ซึ่งนั่งรถไฟห่างกัน 20 นาที และตอนอยู่หอก็อยู่หอใกล้ ๆ นีซ่าแคมปัสค่ะ แต่ส่วนใหญ่เลือกลงวิชาที่อยู่อิเคะบุโคโระแคมปัส เพราะชอบแคมปัสนั้นมากกว่านิดหน่อย มีต้นคริสมาสต์ใหญ่มากตั้งอยู่ข้างหน้าสองต้นด้วยค่ะ ซึ่งช่วงเทศกาลคริสมาสต์ก็จะมีการประดับไฟต้นคริสมาสต์ ทำให้นักเรียนที่นี่ก็ตั้งตารอกันสุด ๆ ค่ะ แล้วก็โรงอาหารของแคมปัสนี้เลื่องชื่อมาก ว่าให้ฟีล harry potter แต่นีซ่าแคมปัสเองก็สวยไม่แพ้กันนะคะ เหตุผลที่สองคือริคเคียวเป็นมหาวิทยาลัยที่มีนักเรียนต่างชาติมาแลกเปลี่ยนเยอะค่ะ ทำให้ไม่ใช่แค่ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาภาษาอังกฤษควบคู่ไปด้วย และนักเรียนที่นี่ก็พูดอังกฤษกันได้เยอะมาก ๆ ค่ะ เหตุผลสุดท้ายก็คือเรื่องทุนค่ะ คือตัวทุนเป็นขององค์กรชื่อ Sato Yo ซึ่งมอบทุนให้นักเรียนจากSouth east asiaที่มาแลกเปลี่ยนที่นี่ ซึ่งริคเคียวก็เป็นมหาวิทยาลัยหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการนั้นด้วย ทำให้สามารถขอทุนได้ค่ะ ตัวทุนนี้จะได้เท่ากับทุนรัฐบาลญี่ปุ่นเลยค่ะ แต่ต้องเขียนรีพอร์ทประจำเดือนส่งทุกเดือน และมีกิจกรรมของทุนให้เข้าร่วมค่ะ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นทุนที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ ทั้งนี้ยังมีทุนแจสโซ่ที่นักเรียนที่จะมาแลกเปลี่ยนที่ริคเคียวสามารถสมัครได้ด้วยค่ะ ก่อนมาแลกเปลี่ยนมีเรื่องที่กังวลใจหรืออุปสรรคอะไรบ้างไหม? ก่อนที่จะมาญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรกังวลเท่าไหร่ แค่รู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ เพราะเป็นประเทศที่อยากไปแลกเปลี่ยนมาตั้งแต่เด็ก แต่หลายคนอาจจะกังวลว่ามาแล้วจะมีเพื่อนไหม จะคุยกับคนอื่นรู้เรื่องไหม จะใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศคนเดียวรอดหรือเปล่า ความจริงคือไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เพราะที่จริงที่นี่ก็มีคนไทยอยู่กันค่อนข้างเยอะ เจอคนไทยบ่อยมาก ๆ แต่บอกตามตรงว่าริคเคียวมีคนไทยไปแลกเปลี่ยนน้อยมากค่ะ ตอนปีที่ไปมีกันแค่สองคน ซึ่งส่วนใหญ่จะได้เพื่อนเป็นชาวต่างชาติมากกว่า ถึงพูดญี่ปุ่นหรืออังกฤษไม่ได้ แต่นักเรียนที่นี่เป็นมิตรและใจดีมากค่ะ ชวนไปเที่ยวไปสังสรรค์และช่วยเหลือกันตลอด แต่ที่ยากคือเวลาทำเรื่องเกี่ยวกับทางการ หากไม่ได้ภาษาญี่ปุ่นอาจจะเป็นปัญหานิดนึงค่ะ แต่ทั้งเพื่อนญี่ปุ่นและเพื่อนต่างชาติก็จะคอยช่วยคอยช่วยเหลือเราเต็มที่ค่ะ ระหว่างที่ไปแลกเปลี่ยน Rikkyo University เป็นมหาวิทยาลัยแบบไหนและได้ลงเรียนวิชาอะไรบ้าง? เรื่องวิชาที่เรียนนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกสาขาวิชาอะไรไป บางสาขาวิชาอย่างของเรา เราจะสามารถเลือกลงวิชาอะไรก็ได้เลยค่ะ แต่ถ้าเป็นวิชาที่ยากหน่อยหรือของเอกอื่น ก็จะมีเงื่อนไข เช่น ต้องผ่านวัดระดับภาษาญี่ปุ่นระดับนี้ของมหาวิทยาลัยเขานะ ถึงจะลงวิชานี้ได้ แต่อย่างเพื่อนเราเลือกเอกการท่องเที่ยว ก็ต้องลงวิชาที่ต้องเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเพื่อนำไปคิดเกรดกับทางมหาวิทยาลัยที่ไทยด้วยค่ะ (แล้วแต่เงื่อนไขตามแต่ละมหาวิทยาลัยต้นทาง) แต่นอกจากนั้นก็เลือกลงได้หมดเช่นกัน  วิชาที่เลือกลงไปนั้นหลากหลายมาก ๆ นอกจากภาษาญี่ปุ่นก็เช่น จิตวิทยา…
Read More
ฟิสิกส์โกเอกดีไหม…รีวิว จากคนเรียนจริง!

ฟิสิกส์โกเอกดีไหม…รีวิว จากคนเรียนจริง!

GAT/PAT
รวมรีวิวจากน้องๆ Clear ที่เคยลงคอร์สติวฟิสิกส์ กับ ฟิสิกส์โกเอก มาแล้วจริงๆ 👍 สวัสดีวัยรุ่น! เชื่อว่าหนึ่งในวิชาที่หลายคนกุมขมับหลังเปิดเทอมมา ต้องมีวิชา ฟิสิกส์อยู่ในนั้นแน่ๆ!! โดยเฉพาะชาวสายวิทย์ทั้งหลาย ที่ยังไง๊ยังไงก็ต้องเจอฟิสิกส์อย่างแน่นอน วันนี้ เคลียร์เลยเอาตัวช่วยเด็ดมาฝาก ถ้าเรียนในโรงเรียนไม่รู้เรื่อง ก็มาเรียนกับ ฟิสิกส์โกเอกเลย!!  เผื่อเป็นทางสว่างให้กับใครหลายๆคนได้ ด้วยการเอารีวิว แบบ insight ไม่ได้โม้ จากคนที่เคยลงเรียนไปแล้วจริงๆมาให้อ่านกันเลย! จะได้รู้กันไปเลยว่า ฟิสิกส์โกเอก ดีไหม ใช่สไตล์เราหรือเปล่า บอกเลยว่าใครที่กำลังมองหาที่ติวฟิสิกส์อยู่ ห้ามพลาด!! รีวิวด้านล่างทั้งหมดนี้ มาจากน้องๆ ที่เคยลงเรียน ฟิสิกส์โกเอก คอร์ส Ent63 จริงๆ! (ของปีนี้อัพเดตเป็น Ent64 แต่เนื้อหาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีติวข้อสอบ สอวน. ให้ด้วยจ้าาา) เพราะเกรดฟิสิกส์ไม่เคยปราณีใคร ... ช้าอยู่ใย ไปอ่านรีวิวกัน!!!! รีวิวจากน้อง Ddiaryofdek64 (เป็น account studygram ด้วยน้า ไปตามกันได้จ้า ให้คะแนน ฟิสิกส์โกเอก 9/10 !! "สอนดีมากๆ เลยค่ะ ทำให้หนูชอบฟิสิกส์มากขึ้น 💕" รีวิวคอร์สเรียน ฟิสิกส์โกเอก : โกเอกสอนละเอียด ทำให้เกรดที่โรงเรียนดีขึ้นกว่าเดิมด้วย! ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ย้อนดูได้ เข้าใจง่าย ถึงแม้ว่าจะแอบง่วงหน่อย 555 รีวิวหนังสือเรียนในคอร์ส : โจทย์เยอะมาก ทำให้รู้โจทย์หลายๆ แนว แล้วโกเอกก็จะค่อยๆอธิบาย ชอบมากๆแต่กระดาษอาจจะบางไปหน่อย เขียนแล้วมันซึม เลยดูไม่สวย (น้องเลยขอหักคะแนนตรงจุดนี้ไป 555) 2. รีวิวจากน้อง mkmxstudy (account นี้ก็เป็น Studygram เหมือนกันนน) ให้คะแนน ฟิสิกส์โกเอก 9.5/10 !! "โกมีข้อสอบให้ทั้ง 9สามัญ ทั้ง Pat2 เลย คือได้ฝึกเยอะๆมาก จากการเรียนคอร์สนี้ ทำให้ชินกับแนวข้อสอบ แล้วก็อ่านโจทย์แตกได้ง่ายขึ้น" รีวิวคอร์สเรียน ฟิสิกส์โกเอก : ข้อสอบให้ฝึกทำเยอะมากกกก ทำให้ชินกับแนวข้อสอบ แล้วก็อ่านโจทย์แตกได้ง่ายขึ้น ถ้าข้อไหนมี 2 วิธีคิด โกก็จะทำให้ดูทั้ง 2 แบบเลย รีวิวหนังสือเรียนในคอร์ส : เนื้อกระดาษดี หนาดี ไฮไลท์ไม่ซึม แต่อยากให้มีสารบัญ จะได้เปิดหาเรื่องที่อยากอ่านได้ง่ายๆ (ที่น้องหักคะแนนไป 0.5 ก็เรื่องสารบัญนี่ล่ะจ้า) 3. รีวิวจากน้อง letduckk.studio (อีกหนึ่ง Studygram ที่คุมโทนได้น่ารักมาก 😍)…
Read More